4-5 ปีมานี้ คำถามที่มีมานั้นมากมายเป็นพัน ๆ คำถามครับ แต่ถึงแม้จะมากยังไง คำถามที่มาเป็นอันดับต้น ๆ คือ ขายอะไรดี? หรือ ขายอันนี้อันนั้นดีมั้ย? ซึ่งในความเป็นจริง ผมไม่ชอบคำถามเหล่านี้เลยนะครับ เพราะคำถามเหล่านี้มันมีคำตอบอยู่ในตัวมันเองเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ประสบการณ์ที่ยังน้อยเกินไปของคนถามเองที่ทำให้หาคำตอบไม่ได้
ด้วยตัวคำถามมันแสดงถึงสิ่งเหล่านี้ครับ
ยังไม่เคยลงมือทำอะไรจริงจัง
ผมเชื่อว่าคุณยังมีความรู้เกี่ยวกับสินค้าที่กำลังจะขายน้อยเกินไป เข้มข้นกับมันบ้างครับ อะไรก็ตามที่คุณได้ลงแรงเสียเวลากับมันไป คือประสบการณ์ล้วน ๆ มันจะช่วยให้คุณเข้าใจว่าจะขายมันดีมั้ย และ คงไม่มีมนุษย์หน้าไหนเรียนรู้แบบทะลุปรุโปร่งได้ทันที ซึ่งเรียนรู้ในที่นี้มันต้องเรียนรู้ในระดับ DNA คือ ลงมือทำเผชิญหน้า ทุกข์ใจ ปลาบปลื้ม มีโมเม้นไปกับมัน นั่นถึงจะทำให้มันลงไปถึง DNA ได้
ยังไม่มีหัวคิดกำไรขาดทุน
ธุรกิจมีตัวชี้วัดสำคัญที่สุดคือ กำไร ครับ คุณลงแรงไปเท่าไหร่ ลงความละเอียดไปเท่าไหร่ แต่ถ้าทำกำไรไม่ได้ ถือเป็นอันจบกัน
ถ้าบังเอิญใครแอบใส่ Mindset บ้า ๆ บอ ประเภทว่าพ่อค้ามัน ขูดรีด เอาเปรียบ แต่ในมือถือสมาร์ทโฟนเครื่องละ 3 หมื่นอัพโดยที่ในใจก็รู้อยู่ว่า ค่าแผงวงจร ค่านั่นค่านี่มันรวม ๆ กันแค่ไม่ถึงครึ่ง ก็ขอบอกเลยว่าไปฉีด DNA พ่อค้าเพิ่มซะก่อน ตอนนี้คุณเป็นแค่ผู้บริโภคเกรด A ครับ
อ่อ กำไร ต้องไม่โกงและไม่ใช่ฟันลูกค้าหัวแบะนะครับ มันคือการเแลกเปลี่ยนคุณภาพและความพอใจ กับ เงินของลูกค้านะครับ
ความรู้พื้นฐานยังไม่ครบ
อยากขายของ รู้เรื่องภาษีรึยัง? รู้เรื่องวัตถุดิบรึยัง? รู้เรื่องการตลาดรึยัง? รู้เรื่องเกี่ยวกับการทำธุรกิจอะไรบ้าง??
ถ้าตอบไม่ได้ซักอย่าง ก็นั่นแหละครับ พับความคิดไปซะแล้วเปิดหนังสืออ่าน ถามเพื่อน ลงคอร์ส หรือ เปิดอินเตอร์เน็ตที่มีความรู้เป็นกิโลอย่าง EXPTBLOG.COM ดูไปก่อนพลาง ๆ นะครับ
แนะนำให้อ่าน: 6 เรื่องควรคิดก่อนจะนำเข้าสินค้า
รายละเอียดปลีกย่อยมันยังมีอีกเยอะแยะ และเอาเข้าจริง ๆ สูตรสำเร็จมันก็ไม่มีซะด้วย เรายังไม่รู้หรอกว่าตัวเราจะทำอะไรได้แค่ไหนจนกว่าจะได้ลงมือทำครับ