คำเตือน! บทความนี้เขียนขึ้นเพราะผมไม่ชอบความมักง่าย หากคุณเป็นคนที่อะไรก็ได้ขอให้มีกำไร กรุณาปิดไปได้เลยครับ
การตลาดเป็นศาสตร์ที่จำเป็นเป็นอย่างมากในการทำธุรกิจสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง… การตลาดออนไลน์ครับ ใคร ๆ ก็ลงสู่สนามออนไลน์กันเป็นแถว ๆ แต่ก่อนที่จะลงไปนั้นส่วนใหญ่แล้วไม่เข้าใจการทำการตลาดอย่างแท้จริง เพราะ เอาการตลาดแยกออกมาต่างหากจากทุกอย่างแล้วยกให้เป็นทางเลือกใหม่ของการแข่งขันทางธุรกิจ
เฟรทฯ กับการตลาดออนไลน์
ในธุรกิจเฟรทฯนั้นเห็นได้ชัดมากว่า Facebook Page ของเฟรทฯส่วนใหญ่ที่ทำกันอยู่ในปัจจุบันนี้มีเพียงไม่กี่รายที่นำเสนอได้ดีและตรงจุดจริง ๆ
บางรายทำตัวเป็นสำนักข่าวแต่ขายเฟรทด้วยนะเออว์ มันบ๊อง ๆ ชอบกลที่เราจะไปบุ๊คเรือกับสำนักข่าวรึเปล่า? แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็ขายได้แหละครับแต่ว่าแบรนด์คงไม่ได้อะไรจากเรื่องนี้มากนัก เพราะใคร ๆ ก็จำไปแล้วว่า ที่เพจนั้นมีข่าวสารและโฆษณาขายเฟรทละเธอว์
ตัวอย่างข้างต้นเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่เห็นชัดที่สุดเลยละครับ การพยายามสร้าง engagement กับผู้ที่ต้องการเสพข่าว ไม่ค่อยจะช่วยอะไรเท่าไหร่ ขายของได้บ้างก็จริง แต่ระยะยาวจะเป็นยังไง?
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะไม่เข้าใจใน Target ของตัวเอง ใช้เพียงการสร้าง Content ออกไปสุ่ม ๆ เพื่อจะเอาการเข้าถึงกลุ่มคนที่ Target ให้กลับมาเป็น Profit อย่าง งง ๆ ที่ว่างงเนี่ยเพราะเราจะไม่รู้ว่าลูกค้ามาได้ยังไง จนลามไปถึงการวัดผลด้วย เพราะแทบจะไม่มีทางวัดอะไรได้เลย ยกเว้นการวัดแบบ ปล่อย Content ออกไปแล้วมีคนเห็นกี่คน แต่ไม่มีทางวัดได้เลยว่าลูกค้าติดต่อเข้ามาเพราะอะไร? จาก Content ไหน? เหมือนกับลงโฆษณาทางทีวีนั่นแหละครับ แถมโคตรจะงงเซปชั่นเลยว่า ลงสื่อเพื่อแจกจ่ายข่าวเพื่อให้ตัวเองได้โฆษณาผ่านข่าวที่ออกสื่ออีกที สุดติ่งกระดิ่งแมวจริง ๆ
การตลาดนำไม่ได้เพราะอะไร?
ง่ายนิดเดียวแต่เสียวไปทั้งทรวง….. เพราะ ไม่มีใครซื้อของห่วย ๆ ไปใช้ซ้ำและการทำการตลาดที่ดีต้องเอาแบรนด์ไปแปะในความทรงจำของทุกคนด้วย(ไม่ใช่แค่ลูกค้า) นั่นก็หมายความว่าลูกค้าจะจำแบรนด์เราได้จากสื่งที่เราออกสื่อไป ความคาดหวังก็จะกลับมาแบบนั้น และการทำการตลาดอย่างมักง่ายนั้นไม่เป็นผลดี เช่น การไปจ้างนักการตลาดออนไลน์ซักคนมาแล้วก็บอกว่าทำยังไงก็ได้ให้มีคนติดต่อเข้ามา เป็นอันโอเค แบบนี้ใคร ๆ ก็ทำได้ครับ ปล่อยวันละ 2-3 contents แล้วก็อัดโฆษณาไป บอกว่าขายอะไร รับรองว่ามีกลับมาแน่นอน อันนี้ผมคอนเฟิร์มเลยนะครับ ถ้าทำขั้นตอนนี้ทุกวันภายใน 1-3 เดือนแล้วไม่มีใครติดต่อกลับมาซักคนผมให้เตะเลย
ดังนั้นแล้วแก่นแท้ของสินค้าต้องดีงามพระรามแปดก่อนครับ ซึ่งอะไรคือแก่นแท้นั้นก็ต้องไปวิเคราะห์กันเอาเองนะครับ เพราะแก่นแท้นั้นจะเป็นภาพจำของผู้คนที่พบเห็นและเกี่ยวข้อง จากนั้นเราก็จึงจะนำแก่นที่เราทำไว้ออกมานำเสนออีกที ซึ่งก็ต้องเชื่อมโยงกันไปทั้งระบบ นั่นคือก่อนที่จะบอกใครเค้าว่าของเรามันดียังไง เราก็ต้องทำของดีออกมาก่อนนั่นเองครับ