การทำเพจมาสองปีกว่าให้ข้อคิดอะไรผมเยอะมากและแค่เขียนบล๊อกอย่างเดียวก็สร้างพัฒนาการให้กับตัวผมเองอย่างมากมาย ซึ่งผมก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะก้าวมาถึงจุด ๆ นี้ได้ครับ วันนี้ผมเลยอยากจะแบ่งปันประสบการณ์การทำบล๊อกจนมีคนรู้จักตั้ง 5,800 กว่าคน โดยการสรุปข้อคิดสำหรับคนที่จะเริ่มทำออนไลน์ควรจะทำความเข้าใจให้ดีครับ

ต้องจ่ายเงินให้เป็น การตลาดออนไลน์ไม่ใช่ของฟรี

ช่วงเริ่มต้นผมไม่กล้าลงทุนอะไรเลยเพราะไม่รู้ว่าจะได้อะไรกลับมา การลงทุนเงินเพียงหลักพันก็สร้างความลังเลให้ผมได้แล้ว แต่เมื่อ Facebook ไม่ยอมให้ผมใช้พื้นที่ของเขาฟรี ๆ ผมจึงต้องวางแผนการลงทุนและใช้มันให้เกิดความคุ้มค่าที่สุด

Facebook ไม่ยอมปล่อยให้ Content ที่มีคน Like Comment หรือ มีส่วนร่วมน้อย แพร่กระจายอยู่ในพื้นที่ของเค้า ดังนั้นธุรกิจหนัก ๆ แบบขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอย่างผมก็จะถูกตีตกไปโดยปริยาย ทางออกเดียวคือการใส่งบโฆษณาลงไปบ้าง ไม่อย่างนั้นเรื่องราวที่ผมเขียนจะไปไม่ถึงผู้ที่เกี่ยวข้องได้เลย

ช่องทางที่ใช้ต้องเหมาะสม

ทุกคนออนไลน์ได้แต่จะออนไลน์ผ่านอะไร? ช่องทางที่มีกลุ่มคนเยอะสุดในโลกคงจะหนีไม่พ้น Facebook แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจำเป็นต้องใช้ Facebook อยู่ช่องทางเดียวเสมอไป ทุกวันนี้ผมยังพยายามจะเปิดช่องทางอื่นให้กับตัวเองเพิ่มอีก เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มผู้ติดตามใหม่ ๆ ที่จะต้องมาเป็นลูกค้ากันในอนาคตอีกด้วย

ผมขอแนะนำช่องทางอื่นอย่าง LinkedIn ซึ่งก็น่าสนใจไม่แพ้กันกับ Facebook ที่ผมแนะนำช่องทางอื่นไม่ใช่เพราะว่ากลัวใครจะมาแย่งพื้นที่กับผมนะครับ แต่เป็นเพราะกลุ่มคนที่เป็นผู้ติดตามนั้นต้องเข้ามาเป็นลูกค้าเราในอนาคต การที่เราสร้างกลุ่มผู้ติดตามผิดที่ เราก็จะได้ฐานลูกค้าไม่ตรงกับผลิตภัณฑ์ของเรา ลองนึกดูว่าคุณถนัดทำงานโปรเจคใหญ่กับต่างประเทศ แต่เผยแพร่ในช่องทาง Facebook ซึ่งจริง ๆ แล้วคุณควรจะใช้ LinkedIn มากกว่าเพราะกลุ่มผู้บริหารและบรรดามืออาชีพในต่างประเทศจะใช้ช่องทางเหล่านี้มากกว่าครับ

จะขายอะไร

คนโดยส่วนใหญ่คิดแต่จะโกยโดยไม่รู้จะส่งมอบสินค้าอะไรให้ลูกค้า และ ถึงรู้ว่าจะขายอะไรก็ไม่รู้ว่าทำไมลูกค้าจะต้องซื้อสินค้านั้นไปด้วย นั่นก็จะลงเอยด้วยการโปรยโฆษณาออกไปเป็นวงกว้าง โดยแมสเสจที่สื่อสารออกไปก็คือ “เร่เข้ามา! มีของมาขาย!” แต่เมื่อตัวเลือกมากมายพร้อม ๆ กับอำนาจตัดสินใจในมือลูกค้าที่อิสระสุด ๆ บนโลกออนไลน์ คุณก็จะเป็นตัวเลือกที่ไม่น่าสนใจพอ เพราะขายของเหมือนคนอื่น ๆ นั่นเอง

หากจุดจบสุดท้ายของการคิดจะขายผ่านออนไลน์คือการกดราคาแข่งกัน ผมว่าคุณควรจะลองหาอาชีพอย่างอื่นทำจะดีกว่า อาชีพที่จะสร้างไอเดียดี ๆ ใหม่ ๆ ให้คุณได้ เพราะการกดราคาแข่งกันนั่นหมายความว่าตลาดมันกำลังตันแล้วสำหรับคุณครับ

 

Previous articleสินค้าถูกยึดขายทอดตลาด เมื่อติด List F
Next articleราคา FOB บนฟอร์มอีคืออะไร?
เซลส์เฟรทฯ ผู้หันหลังให้กับ Tele-Marketing มาทุ่มเทให้กับการทำ Online Marketing แบบเต็มตัว

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here