เหรียญคริปโตฯ กลายเป็นประเด็นสำคัญไปทั่วโลกมามากกว่า 1 ปีแล้ว ถึงมันจะมีข่าวเป็นระยะ ๆ มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็มาร้อนแรงที่สุดในช่วงโควิดระบาดนี่เอง

ในสมัยที่คริปโตเริ่มเข้ามาในไทย ผมจำได้อย่างแม่นยำว่า ตอนนั้นราคา 1 Bitcoin อยู่ที่หลักพันเท่านั้น และตอนที่ผมเริ่มสนใจ ราคามันก็อยู่ประมาณ THB 30,000 ต่อ BTC 1 เองนะครับเทียบปัจจุบันกับเวลานั้นถือว่าถูกมาก ถ้าเรามีเก็บไว้ 1 เหรียญ ตอนนี้ก็มีมูลค่าเป็นล้านบาท

สำหรับผมก็เสียดายหน่อย ๆ แต่อนาคตมันไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เมื่อพิจารณาจากพื้นฐานของตัวสินทรัพย์แล้ว ผมก็เลือกจะซื้อทองคำมากกว่า คือไม่ต้องซื้อมาก เอามาแค่ใส่ซักชิ้นสองชิ้นเล็ก ๆ ก็โอเค ไม่เสี่ยงไม่เหนื่อยลุ้นดี เก็บไว้ 10 ปียังไงก็มีโอกาสราคาขึ้น เพราะเป็นสินทรัพย์ที่คนให้ความเชื่อถือแน่นอนตอนนั้นผมคิดแบบนี้แหละครับ

เหรียญคริปโตฯจะเอามาใช้ได้ทำธุรกิจได้อย่างไร?

หลาย ๆ คนคงจะเห็นแล้วว่า ธุรกิจจำนวนมากกำลังเริ่มรับการชำระเงินด้วยคริปโตฯกันแล้ว โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา เริ่มมีธุรกิจต่าง ๆ เปิดรับเหรียญอย่าง Bitcoin แล้ว

แต่ว่าผมก็ยังไม่เชื่อว่ามันจะใช้ได้จริง เพราะมันขาดสเถียรภาพทางด้านมูลค่าอย่างรุนแรงวันนึงราคาขึ้นยังกับจรวด วันต่อมากลายร่างเป็นบั้งไฟหมดแรง พุ่งตกลงมาอย่างรวดเร็วก็เป็นมาโดยตลอด ตามลักษณะของสินค้าที่เน้นไปทางการเก็งกำไรตัวอย่างชัด ๆ เลยก็คือ Bitcoin ที่ตกจาก 2 ล้านบาทต่อเหรียญเหลือเพียง 1 ล้านบาท ในเวลาแค่ 1 อาทิตย์เท่านั้น และ มันยังตกเพราะผู้ชายที่ชื่อ Elon Musk ทวีตแค่ครั้งเดียวอีกด้วย

อ่อนไหวแค่ไหนถามใจเธอดู?

ดังนั้นแล้ว โอกาสที่มันจะกลายมาเป็นสมือนสกุลเงินสกุลหนึ่งจึงเป็นไปได้ยากในเวลาอันสั้น(1-2ปี) เพราะทุกคนเอาเหรียญคริปโตมาเก็งกำไรจนมันบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว

แต่เหรียญบางสกุล อาจจะ มีโอกาสได้เข้าสู่วงการธุรกิจได้ เช่น Ethereum เพราะเป็นเหรียญที่มีความสามารถในการทำสัญญาลงไปในเหรียญได้

เช่น

คุณต้องการซื้อสินค้าจากคนที่รับเหรียญคริปโต คุณสามารถใช้เหรียญ Ethereum ในการทำสัญญาได้

เมื่อคุณได้รับสินค้าแล้ว และสัญญาครบถ้วนสมบูรณ์ ระบบก็จะตัดเหรียญตามจำนวนที่ระบุในสัญญา โอนไปให้ผู้ขาย

แล้วมันต่างกับโอนเงินปกติยังไง?

ในการโอนเงินปกติ จะมีธนาคารเป็นตัวกลาง ค่าธรรมเนียมก็จะถูกเก็บโดยธนาคารค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ประมาณ 1,300 บาท ต่อครั้ง

แต่พอเราเปลี่ยนมาจ่ายด้วยเหรียญคริปโต เราสามารถกำหนดได้เองเลยว่า เราจะจ่ายเท่าไหร่ เมื่อมีคนยอมรับค่าธรรมเนียมที่เราจะจ่ายแล้ว ระบบ Blockchain ก็จะแจกจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับคนที่อยู่ในเครือข่าย Blockchain นั้นถึงความรวดเร็วในการทำธุรกรรมจะแตกต่างกันไปตามแต่จำนวนค่าธรรมเนียมที่เรายอมจ่าย แต่เมื่อเทียบกับการโอนผ่านธนาคาร มันก็ยังเร็วกว่าอยู่ดี

การโอนเงินปกติเมื่อโอนผ่านธนาคาร กว่าเงินของเราจะไปถึงมือผู้รับก็กินเวลา 3-5 วัน แต่เมื่อเราโอนผ่านระบบ Blockchain เร็ว ๆ ก็อาจจะไม่กี่วินาที ช้า ๆ ก็ไม่กี่นาทีเท่านั้น

เมื่อความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 100 ๆ เท่า ค่าธรรมเนียมก็ยังกำหนดได้เองอีก นับว่าลดต้นทุนได้มากจริง ๆ

และมันก็ยังมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย

โดยการทำธุรกรรม 1 ครั้ง จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์มากมายหลายล้านเครื่อง คอยบันทึกข้อมูลกันไปเป็นเครือข่ายที่ใหญ่โตด้วยเทคโนโลยี Blockchain คือ จะมีคอมพิวเตอร์เป็นล้านเครื่องรู้ว่ากำลังมีธุรกรรมนี้เกิดขึ้น เป็นหลักฐานการโอนเงิน

ทำให้เกิดการโกงยากมาก เพราะระบบจะมีการตรวจสอบกันเองตลอดเวลา ใครจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ จะต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์มากกว่าครึ่ง เพื่อทำเรื่องโกหกให้กลายเป็นเรื่องจริง ซึ่งคงไม่มีใครลงทุนขนาดนั้นได้

เช่น

ถ้าสมมติว่าตอนนี้มีคอมพิวเตอร์ที่บันทึกธุรกรรม Blockchain ทั้งหมด 1 ล้านเครื่อง คนที่จะมาโกงระบบได้ ต้องมีคอมพิวเตอร์ในมือมากกว่า 1 ล้านเครื่องนั่นเอง

แต่โอกาสเกิดการยอมรับจริงก็ยังยากอยู่

Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่มา Disrupt ในระดับโลก โดยเฉพาะ ธนาคาร และ รัฐบาลทุกประเทศบนโลกนี้

ระบบธนาคารจะเป็นอย่างไรต่อไป เมื่อความปลอดภัยในการโอนเงินเป็นเรื่องที่ประชาชนจัดการกันเองได้ สร้างกระเป๋าเงินกันเองได้ คุ้มครองเงินตรากันเองได้

แล้วตอนนี้ดอกเบี้ยเงินฝากก็ต่ำเตี้ยติดดิน(แต่เงินกู้ยังเป็น 1x% ต่อปี อยู่เลย) ยิ่งไม่จูงใจให้เกิดการฝากเงินอีกต่อไป ก็ยิ่งเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าไปอีก

แล้วในส่วนรัฐบาลแต่ละชาติจะทำอย่างไรต่อไป หากประชาชนทั้งโลกรวมใจกันใช้เหรียญที่ตัวเองช่วยกันสร้างขึ้นมาแลกเปลี่ยนสินค้ากันเอง อำนาจรัฐจะหายไปมากมายขนาดไหน?

แม้ในตอนนี้เหรียญต่าง ๆ จะยังไม่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลไหนเลยบนโลกนี้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว้า เมื่อมีคนจำนวนมากถือเหรียญไว้ ย่อมเป็นการบีบบังคับทางอ้อมให้รัฐบาลตระหนักถึงความเสียหายที่จะตามมา หากมีการแบนเหรียญคริปโตเหล่านี้ขึ้นมาจริง ๆ

**มูลค่าของเหรียญทั้งหมดตอนที่พีคสุด ๆ สูงถึง 2.5 ล้านล้านดอลล่า = ประมาณ 78 ล้านล้านบาท

**เท่ากับแจกให้คนไทยได้คนละล้านบาท

ดังนั้น โอกาสที่เหรียญฯที่ใช้ได้จริงตามกฎหมายจะออกโดยรัฐบาลกับธนาคารแห่งชาติแทนที่จะเป็นเหรียญฯที่โผล่มามากมายในตอนนี้ก็ยังมีอยู่หากคุณจะเข้าไปถือเหรียญฯอะไรตอนนี้ ก็ระวังไว้ด้วยนะครับ

REF:

https://www.livewithoutpay.com/cryptocurrenc/what-is-gas/

https://th.tradingview.com/…/cryptocurre…/global-charts/

Previous articleEnter เอกสารคืออะไร?
Next articleอย่าทำคอนเทนท์โดยไม่มีการวางแผน
เซลส์เฟรทฯ ผู้หันหลังให้กับ Tele-Marketing มาทุ่มเทให้กับการทำ Online Marketing แบบเต็มตัว