ในยุคที่โลกเชื่อมต่อกันอย่างไร้พรมแดน การทำธุรกิจ “นำเข้า-ส่งออก” ได้กลายเป็นหนึ่งในเส้นทางสู่ความสำเร็จที่ผู้ประกอบการจำนวนมากใฝ่ฝัน การได้นำสินค้าจากต่างแดนที่น่าสนใจเข้ามาสร้างแบรนด์ในประเทศ หรือการส่งสินค้าไทยที่มีคุณภาพไปสู่ตลาดโลก คือโอกาสทางธุรกิจที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพ อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังภาพความสำเร็จนั้นเต็มไปด้วยรายละเอียด ขั้นตอน และความท้าทายที่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการองค์กร ภาษา การตลาด บัญชี และ การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
แม้ว่าผมจะไม่สามารถบอกคุณให้รู้ได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องการนำเข้าสินค้านั้น ผมมั่นใจว่าเล่าให้คุณฟังได้สบายมาก และนี่คือบทความแรกที่จะทำให้คุณเห็นภาพรวมทั้งหมดของการนำเข้าสินค้า ผมจะพาคุณไปสำรวจทุกองค์ประกอบสำคัญ ตั้งแต่พื้นฐาน, เส้นทางของสินค้า, ไปจนถึงสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม เพื่อให้คุณเห็นภาพใหญ่และสามารถเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ
การนำเข้าคืออะไร?
แก่นแท้ของการนำเข้านั้นเรียบง่ายแค่ การเคลื่อนย้ายสินค้าจากประเทศอื่นมายังอีกประเทศไทย
แม้ว่าหัวใจหลักของมันจะมีแค่นี้ แต่กระบวนการจริงระหว่างทางนั้นเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วนและมีกฎระเบียบที่ซับซ้อน การเป็นตัวแทนให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ดีจึงไม่ใช่แค่เรื่องขนสินค้า แต่คือการเป็น “ผู้บริหารจัดการ” ที่สามารถประสานงานทุกส่วนให้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเพื่อให้สินค้าของคุณเคลื่อนย้ายได้ถูกต้องตามกฎหมาย
มีใครบ้างในการนำเข้าสินค้าแต่ละครั้ง?
ในการนำเข้าแต่ละครั้ง มีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายที่ทำหน้าที่แตกต่างกันไป การรู้จักบทบาทขหน้าที่ของทุกคนจะทำให้คุณเข้าใจว่าสินค้าของคุณนั้นได้ผ่านมือ ผ่านตา ของใครมาบ้างกว่าจะมาถึงมือคุณ
- ผู้ส่งออก (Exporter/Shipper): คือ “ผู้ขาย” ที่มีหน้าที่จัดเตรียมสินค้าและเอกสารส่งออก
- สายการเดินเรือ/สายการบิน (Shipping Line/Airline): คือเจ้าของยานพาหนะ (เรือ, เครื่องบิน) ที่ทำการขนส่งสินค้าของคุณข้ามพรมแดน
- รถบรรทุกขนส่ง(Truck Company): เจ้าของรถบรรทุก ที่จะรับส่งสินค้าระหว่างผู้ซื้อ/ผู้ขายและท่าเรือ/สนามบิน
- กรมศุลกากร (Customs Department): คือหน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจในการควบคุมการนำเข้าและส่งออกสินค้า มีหน้าที่ตรวจสอบสินค้า, เก็บภาษีอากร, และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
- ตัวแทนออกของ (Customs Broker/Shipping Agent): คือผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบอนุญาตจากกรมศุลกากร ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้นำเข้า/ส่งออกในการดำเนินพิธีการศุลกากรที่ซับซ้อน จัดทำใบขนสินค้า และเคลียร์ของออกจากท่าเรือหรือสนามบิน
- หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ: หน่วยงานต่าง ๆ ที่ออกข้อกำหนดและบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมมาตราฐานสินค้านำเข้า เช่น อย. สมอ. และ กสทช. เป็นต้น
- ธนาคาร (Bank): มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการชำระเงินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะวิธีการที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูงอย่าง L/C (Letter of Credit)
- ผู้นำเข้า (Importer/Consignee): ก็คือคุณที่จะมาเป็นลูกค้าในอนาคตของผม ใช่ครับ! คุณนั่นแหละ…
- Freight Forwarder (4PL, Fourth Party Logistics): คือ อาชีพของผมที่จะเป็นคนจัดการทำให้คนทั้งหมดก่อนหน้านี้(ยกเว้น Bank) ทำงานร่วมกันได้ เปรียบเสมือนคอนดักเตอร์ของวงออเครสต้า ที่บอกว่าใครจะเล่นแบบไหน จังหวะใด เพื่อให้เพลง ๆ นั้นออกมาอย่างสวยสดงดงามที่สุด แม้จะไม่ได้เล่นเครื่องดนตรีเครื่องไหนเก่งเป็นพิเศษ แต่รู้จังหวะทั้งหมดของงานนั่นเองครับ
นำเข้าครั้งแรกต้องทำอะไรบ้าง
เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ลองมาดูไทม์ไลน์การนำเข้า 1 ครั้ง ว่าต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง
- การค้นหาและเจรจา (Sourcing & Negotiation): ผู้นำเข้าค้นหาสินค้าและซัพพลายเออร์ที่ต้องการ, ขอใบเสนอราคา, เจรจาต่อรองเงื่อนไขต่างๆ เช่น ราคา, จำนวนสั่งซื้อขั้นต่ำ (MOQ), และที่สำคัญคือ เงื่อนไขการส่งมอบ (Incoterms)
- การสั่งซื้อและชำระเงิน (Ordering & Payment): เมื่อตกลงกันได้ ผู้นำเข้าจะออกใบสั่งซื้อ (Purchase Order) และดำเนินการชำระเงินตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน
- การเตรียมสินค้าและการขนส่งต้นทาง (Production & Inland Transport): ผู้ส่งออกทำการผลิตหรือจัดเตรียมสินค้าตามออเดอร์ จากนั้นขนส่งสินค้าจากโรงงานไปยังท่าเรือหรือสนามบินต้นทาง
- พิธีการศุลกากรขาออก (Export Customs Clearance): ผู้ส่งออก (หรือตัวแทน) ดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อขออนุญาตส่งสินค้าออกนอกประเทศ
- การขนส่งหลัก (Main Carriage): สินค้าถูกขนส่งข้ามประเทศโดยเรือหรือเครื่องบินมายังประเทศของผู้นำเข้า
- พิธีการศุลกากรขาเข้า (Import Customs Clearance): เมื่อสินค้ามาถึง ตัวแทนออกของ (ชิปปิ้ง) ของผู้นำเข้าจะเข้ามาดำเนินพิธีการศุลกากรขาเข้า, ยื่นเอกสาร, และชำระภาษีอากรที่เกี่ยวข้อง
- การขนส่งปลายทางและรับมอบ (Inland Transport & Delivery): หลังจากเคลียร์ของออกจากศุลกากรเรียบร้อยแล้ว สินค้าจะถูกขนส่งทางบกจากท่าเรือ/สนามบิน ไปยังคลังสินค้าหรือสถานที่ของผู้นำเข้าเป็นอันสิ้นสุดกระบวนการ
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเริ่มธุรกิจนำเข้า
ก่อนที่จะเริ่มต้นลงทุนและสั่งซื้อสินค้าล็อตแรก มีปัจจัยสำคัญที่คุณต้องพิจารณาและเตรียมความพร้อม:
- เงินทุน (Capital): คุณต้องมีเงินทุนที่ครอบคลุมทั้งค่าสินค้า, ค่าขนส่ง, ค่าภาษี, ค่าการตลาด และควรมีเงินทุนหมุนเวียนสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด
- ความรู้เรื่องสินค้าและตลาด (Product & Market Knowledge): คุณรู้จักสินค้าที่จะนำเข้ามาดีแค่ไหน? ตลาดในประเทศมีความต้องการหรือไม่? ใครคือคู่แข่งของคุณ? การวิจัยตลาดเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้
- การจดทะเบียนและกฎหมาย (Legal & Registration): ธุรกิจของคุณต้องจดทะเบียนในรูปแบบใด? สินค้าที่คุณจะนำเข้าต้องมีใบอนุญาตพิเศษ (เช่น อย., มอก.) หรือไม่?
- การบริหารความเสี่ยง (Risk Management): คุณมีแผนรับมือกับความเสี่ยงอย่างไร? เช่น สินค้าเสียหาย, การจัดส่งล่าช้า, การโดนโกงจากซัพพลายเออร์, หรืออัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน
บทสรุป
การเริ่มต้นธุรกิจนำเข้าแม้จะเป็นเพียงการสั่งสินค้าจากที่อื่นมาขายคล้ายกับการซื้อสินค้าในไทย แต่ด้วยขั้นตอนและระยะทาง ทำให้มีสิ่งที่ต้องจัดการมากมาย การเข้าใจภาพรวมทั้งหมด จะช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างมั่นคงและไปถึงจุดหมายได้สำเร็จ
ผมยินดีเป็นอย่างมากที่จะร่วมทางไปกับคุณ และบทความนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ผมเขียนไว้อย่างง่าย ๆ เพื่อให้คุณเห็นภาพใหญ่ก่อนเท่านั้น คุณสามารถหาอ่านความรู้อื่น ๆ สำหรับการเป็นผู้นำเข้าที่ดีได้จากบทความใน Category: นำเข้า 101 ได้ตลอดเวลานะครับ