สำหรับผู้นำเข้า ข้อเสนอราคาเทอม CPT (Carriage Paid To) อาจดูน่าสนใจ เพราะผู้ขายจัดการเรื่องค่าขนส่งมาให้เรียบร้อย ทำให้ดูเหมือนเป็นตัวเลือกที่สะดวกสบาย แต่ภายใต้ความสะดวกนั้นมีความเสี่ยงที่สำคัญซ่อนอยู่ นั่นคือ “สินค้าของคุณกำลังเดินทางโดยไม่มีประกันภัย” เว้นแต่คุณจะจัดการมันด้วยตนเอง
บทความนี้จะวิเคราะห์เทอม CPT จากมุมมองของ “ผู้นำเข้า” เพื่อให้คุณชั่งน้ำหนักระหว่างความสะดวกสบายกับความเสี่ยงที่ต้องแบกรับได้อย่างเหมาะสม
ข้อดีของการใช้เทอม CPT สำหรับผู้นำเข้า (Advantages for the Importer)
- สะดวกในการจัดการค่าขนส่ง (Convenience in Freight Handling): ผู้นำเข้าไม่ต้องวุ่นวายกับการหาบริษัทขนส่งในประเทศต้นทาง ผู้ขายจะเป็นผู้จัดการจองและชำระค่าขนส่งหลักให้ทั้งหมด
- ควบคุมการทำประกันภัยได้เอง (Full Control Over Insurance): ผู้นำเข้ามีอิสระเต็มที่ในการตัดสินใจเรื่องประกันภัย สามารถเลือกทำประกันกับบริษัทที่ให้ข้อเสนอดีที่สุด, เลือกระดับความคุ้มครองที่ต้องการได้เอง, หรือไม่ทำเลยก็ได้หากประเมินแล้วว่าความเสี่ยงต่ำ ซึ่งอาจช่วยประหยัดต้นทุนได้มากกว่าเทอม CIP ที่ผู้ขายเป็นผู้เลือกและบวกค่าประกันมาให้
- อาจได้ประโยชน์จากราคาค่าขนส่งของผู้ขาย: หากผู้ขายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีปริมาณการส่งออกสูง พวกเขาอาจได้อัตราค่าขนส่งที่ดีกว่า ซึ่งเป็นประโยชน์ทางอ้อมที่ผู้นำเข้าจะได้รับ
ข้อเสียและความเสี่ยงมหาศาลของเทอม CPT ที่ผู้นำเข้าต้องตระหนัก (Disadvantages and Risks for the Importer)
- ความเสี่ยงทั้งหมดอยู่กับคุณ แต่ไม่มีประกันจากผู้ขาย (Full Risk, No Seller-Provided Insurance): นี่คือความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดและอันตรายที่สุดของเทอม CPT ความเสี่ยงต่อสินค้าสูญหายหรือเสียหายเป็นของคุณทันทีที่สินค้าถูกส่งมอบให้ผู้รับขนส่งรายแรกที่ต้นทาง หากคุณลืมหรือตัดสินใจที่จะไม่ทำประกันภัย และเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น (เช่น เรือล่ม, เครื่องบินตก, รถคว่ำ) นั่นหมายถึงคุณจะสูญเสียเงินค่าสินค้าไปทั้งหมด 100% โดยไม่สามารถเรียกร้องจากใครได้
- ขาดการควบคุมผู้ให้บริการขนส่ง (Lack of Control over Carrier): เช่นเดียวกับเทอม CIP คุณไม่สามารถเลือกบริษัทขนส่งเองได้ ผู้ขายอาจเลือกใช้บริการที่ถูกที่สุดแต่อาจจะช้าหรือมีปัญหาบ่อย ซึ่งส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนของคุณ
- ความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้น: ผู้นำเข้าที่ไม่มีประสบการณ์อาจเข้าใจผิด คิดว่าเมื่อผู้ขายจ่ายค่าขนส่งแล้ว ความรับผิดชอบก็น่าจะยังอยู่กับผู้ขาย ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดมหันต์ และอาจนำไปสู่การไม่ทำประกันภัยด้วยความชะล่าใจ
ตัวอย่างสถานการณ์: บทเรียนราคาแพงของผู้นำเข้าวัตถุดิบ
“คุณวิทย์” เจ้าของโรงงานขนาดเล็ก นำเข้าเม็ดพลาสติกรีไซเคิลจากอินเดียเพื่อใช้ในการผลิตสินค้า เขาเลือกใช้เทอม CPT Laem Chabang Port เพราะราคาที่ผู้ขายเสนอ (ซึ่งรวมค่าเรือมาให้) ดูสมเหตุสมผล
- การตัดสินใจที่ผิดพลาด: เพื่อลดต้นทุนให้ได้มากที่สุด คุณวิทย์ประเมินว่าการขนส่งทางเรือมีความเสี่ยงต่ำ และตัดสินใจ “ไม่ทำประกันภัยการขนส่ง”
- เหตุการณ์ไม่คาดฝัน: เรือบรรทุกสินค้าที่ขนส่งเม็ดพลาสติกของคุณวิทย์ประสบเหตุเพลิงไหม้กลางทะเล ทำให้ตู้คอนเทนเนอร์และสินค้าภายในเสียหายทั้งหมด
- ผลลัพธ์: เมื่อคุณวิทย์ติดต่อผู้ขายเพื่อเรียกร้องความรับผิดชอบ ก็ได้รับคำตอบว่าความเสี่ยงได้ถูกโอนไปให้คุณวิทย์แล้วตั้งแต่ที่ท่าเรือในอินเดียตามเงื่อนไข CPT ส่วนการเรียกร้องกับสายเรือก็ได้รับการชดเชยที่จำกัดมากตามกฎหมายพาณิชยนาวี ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับมูลค่าสินค้าที่แท้จริง สรุปคือ คุณวิทย์สูญเงินลงทุนไปทั้งหมดเพราะไม่ได้ทำประกันภัย
Checklist สำหรับผู้นำเข้า: คุณพร้อมสำหรับความเสี่ยงของ CPT หรือยัง?
- [ ] คุณมีช่องทางหรือกรมธรรม์ประกันภัยที่เชื่อถือได้รองรับแล้วใช่หรือไม่?
- [ ] คุณได้เปรียบเทียบต้นทุนระหว่าง (ราคา CPT + ค่าประกันของคุณ) กับราคา CIP แล้วหรือยัง?
- [ ] คุณเข้าใจและยอมรับความเสี่ยง 100% หรือไม่ว่าหากไม่ทำประกันภัย เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยคุณคือผู้สูญเสียทั้งหมด?
หากคำตอบของคำถามข้างต้นคือ “ใช่” คุณอาจใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นของ CPT ได้ แต่หากไม่แน่ใจ การเลือกใช้เทอม CIP ซึ่งบังคับให้ผู้ขายต้องทำประกันภัยระดับสูงสุดให้ ถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่ามาก