ในโลกการค้าสมัยใหม่ที่การขนส่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่ทางเรือ แต่ผสมผสานทั้งรถบรรทุก, รถไฟ และเครื่องบิน (Multimodal Transport) การเลือกใช้ Incoterm ที่เหมาะสมและยืดหยุ่นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และ CIP (Carriage and Insurance Paid To) คือหนึ่งในเทอมที่ตอบโจทย์ดังกล่าวได้ดีที่สุด
CIP เป็นเงื่อนไขในกลุ่ม C-Terms ซึ่งมีลักษณะพิเศษที่ผู้ซื้อและผู้ขายต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน นั่นคือ จุดโอนความเสี่ยงและ จุดสิ้นสุดภาระค่าใช้จ่าย นั้นอยู่ที่คนละแห่งกัน บทความนี้จะเจาะลึกถึงแก่นของเทอม CIP เพื่อให้คุณใช้งานได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ
CIP (Carriage and Insurance Paid To) คืออะไร?
CIP (Carriage and Insurance Paid To) คือเงื่อนไขการส่งมอบสินค้าที่ ผู้ขาย มีหน้าที่ทำสัญญาและชำระค่าระวางการขนส่งหลัก (Main Carriage) และที่สำคัญคือ ต้องทำประกันภัยสินค้าในระดับความคุ้มครองสูงสุด เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงของผู้ซื้อ ไปจนถึงสถานที่ปลายทางที่ระบุไว้
อย่างไรก็ตาม จุดที่สำคัญที่สุดคือ ความเสี่ยงต่อการสูญหายหรือเสียหายของสินค้าจะถูกโอนจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อ ณ จุดที่ผู้ขายส่งมอบสินค้าให้กับผู้รับขนส่ง (Carrier) รายแรก ที่ประเทศต้นทาง ไม่ใช่ที่ประเทศปลายทาง
การแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบภายใต้เทอม CIP
หน้าที่ของผู้ขาย (Seller’s Obligations):
- ทำสัญญาและจ่ายค่าขนส่ง: จัดหาและทำสัญญาเพื่อขนส่งสินค้าไปยังสถานที่ปลายทางที่ระบุ (เช่น CIP คลังสินค้าของผู้ซื้อในกรุงเทพฯ)
- ทำสัญญาและจ่ายค่าประกันภัย: ต้องทำประกันภัยสินค้าในระดับความคุ้มครองสูงสุด (Institute Cargo Clauses A หรือเทียบเท่า) เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงของผู้ซื้อตลอดการขนส่ง และต้องส่งมอบกรมธรรม์หรือหลักฐานการประกันภัยให้แก่ผู้ซื้อ
- ดำเนินพิธีการศุลกากรขาออก: รับผิดชอบและชำระค่าใช้จ่ายในการทำศุลกากรเพื่อการส่งออก
- ส่งมอบสินค้า: นำสินค้าไปส่งมอบให้กับผู้รับขนส่ง (Carrier) รายแรกที่ตนเองได้ว่าจ้างไว้
หน้าที่ของผู้ซื้อ (Buyer’s Obligations):
- รับความเสี่ยงหลังการส่งมอบ: ต้องรับความเสี่ยงทั้งหมดต่อสินค้าหลังจากที่ผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้รับขนส่งรายแรกแล้ว
- ดำเนินพิธีการศุลกากรขาเข้า: รับผิดชอบและชำระค่าใช้จ่ายในการทำศุลกากรขาเข้า รวมถึงภาษีอากรต่างๆ
- รับมอบสินค้า: รับมอบสินค้า ณ สถานที่ปลายทางที่ระบุไว้ในสัญญา
- เรียกร้องค่าสินไหมทดแทน: หากสินค้าเสียหายระหว่างทาง ผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้ดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหาย (Claim) จากบริษัทประกันภัยโดยตรง โดยใช้กรมธรรม์ที่ผู้ขายส่งมอบให้
จุดโอนความเสี่ยงและค่าใช้จ่าย: หัวใจที่ต้องทำความเข้าใจ
- จุดโอนความเสี่ยง (Risk Transfer Point): โอนความเสี่ยง ณ ประเทศต้นทาง เมื่อผู้ขายส่งมอบสินค้าให้แก่ ผู้รับขนส่งรายแรก
- ตัวอย่าง: ผู้ขายในเยอรมนีอาจจ้างบริษัทรถบรรทุก (ผู้รับขนส่งรายแรก) ให้ไปรับสินค้าที่โรงงานของตนเพื่อนำไปส่งที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต ความเสี่ยงจะโอนไปยังผู้ซื้อชาวไทยทันทีที่บริษัทรถบรรทุกรับสินค้าไปจากโรงงาน
- จุดสิ้นสุดภาระค่าใช้จ่าย (Cost Termination Point): สิ้นสุด ณ ประเทศปลายทางตามที่ระบุไว้ในสัญญา ผู้ขายรับผิดชอบค่าขนส่งหลักและค่าประกันภัยไปจนถึงจุดหมายนั้น
ความคุ้มครองประกันภัยระดับสูง (Institute Cargo Clauses A)
นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใน Incoterms 2020 สำหรับเทอม CIP (แตกต่างจาก CIF ที่ยังคงกำหนดขั้นต่ำไว้ที่ Clause C)
- Clause A คือกรมธรรม์แบบ “All Risks” หรือคุ้มครองทุกความเสี่ยงภัย ให้ความคุ้มครองที่กว้างที่สุด ครอบคลุมความเสียหายเกือบทุกประการ ยกเว้นภัยที่ระบุไว้ในข้อยกเว้นของกรมธรรม์เท่านั้น การกำหนดระดับประกันภัยที่สูงนี้ช่วยให้ผู้ซื้อภายใต้เทอม CIP มีความมั่นใจมากขึ้น
ตัวอย่างสถานการณ์การใช้เทอม CIP
บริษัทโรงพยาบาลในไทยสั่งซื้อเครื่องสแกน MRI มูลค่าสูงจากผู้ผลิตในประเทศญี่ปุ่น ตกลงซื้อขายภายใต้เงื่อนไข CIP คลังสินค้าโรงพยาบาล, กรุงเทพฯ, ประเทศไทย
- ผู้ขาย (ญี่ปุ่น):
- ทำสัญญาและจ่ายเงินให้บริษัทโลจิสติกส์เพื่อจัดการขนส่งทั้งหมด ตั้งแต่การนำเครื่องออกจากโรงงาน, การส่งออก, การขนส่งทางอากาศมายังสนามบินสุวรรณภูมิ, และการขนส่งทางรถยนต์ต่อไปยังคลังสินค้าของโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ
- ซื้อประกันภัยคุ้มครองความเสี่ยงภัยทุกชนิด (Clause A) ในนามของผู้ซื้อ คุ้มครองตลอดเส้นทางจากโรงงานในญี่ปุ่นจนถึงคลังสินค้าในกรุงเทพฯ
- ส่งมอบเครื่อง MRI ให้กับบริษัทโลจิสติกส์ (ผู้รับขนส่งรายแรก) ที่โรงงานของตนเอง
- จุดโอนความเสี่ยง: ความเสี่ยงของโรงพยาบาลไทยเริ่มต้นขึ้นทันทีที่บริษัทโลจิสติกส์รับมอบเครื่อง MRI ไปจากโรงงานในญี่ปุ่น
- หากเกิดความเสียหาย: สมมติว่าเครื่อง MRI ได้รับความเสียหายระหว่างการขนส่งทางอากาศ โรงพยาบาลไทยจะต้องเป็นผู้ยื่นเรื่องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนกับบริษัทประกันภัย โดยใช้เอกสารประกันภัยที่ผู้ขายชาวญี่ปุ่นออกให้
- ผู้ซื้อ (ไทย): มีหน้าที่ดำเนินพิธีการนำเข้าและชำระภาษีอากร และรอรับสินค้าที่คลังสินค้าของตน
บทสรุป
CIP เป็นเทอมที่ทันสมัยและเหมาะกับการขนส่งหลายรูปแบบ โดยเฉพาะสินค้าบรรจุตู้คอนเทนเนอร์และสินค้ามูลค่าสูง ให้ความสะดวกแก่ผู้ซื้อในแง่ของต้นทุนค่าขนส่งและประกันภัยที่ชัดเจน แต่ผู้ซื้อต้องตระหนักว่าตนเองต้องรับความเสี่ยงตลอดการขนส่งหลักและต้องเป็นผู้ดำเนินการกับบริษัทประกันภัยเองหากเกิดปัญหาขึ้น