เมื่อเราพูดถึงการทำอะไรแบบ Digital เราก็จะมองไปที่อินเทอเน็ตแล้วเราก็จะนึกถึง Google Facebook Line อะไรพวกนี้กัน ซึ่งการนึกถึงอะไรเหล่านี้ก็เป็นเรื่องปกติเพราะมันใกล้ตัวเรามากดูจับต้องได้ใช่มั้ยละครับ การเป็นแอดมินเจ้าของเพจที่มีคนติดตามเยอะ ๆ มันดูเก่งดีนะครับแต่มันก็ไม่ใช่ Digital Move ซะทีเดียวครับ
งาน Admin เพจนั้นแลกมาด้วยเวลาและความเหนื่อยที่จะต้องทุ่มเทกับมัน บอกได้เลยวัน ๆ คิดแต่ทำไมคนอ่านน้อย จะเพิ่มได้ยังไง ทุกวันนี้ทำดีแล้วรึยัง ต้องเพิ่มเติมอะไรมั้ย พวกเค้าอ่านเพราะอะไร แล้วอะไรที่ทุกคนต้องการจริง ๆ จะหารายได้มาจากไหน บลา ๆ ๆ ๆ บางครั้งก็เครียดนะครับ และไม่ว่าจะมีผู้ติดตามมากแค่ไหน มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะการันตียอดขายหรือมีรายรับอะไรด้วยนะครับ หุหุ
ที่จริงแล้วกรอบที่ใหญ่กว่าเรื่องนี้คือ Digital Economy
ถ้าเซลส์เฟรทอย่างเราจะ Digital Move กันจริง ๆ ผมก็อยากให้ทุกคนมองภาพกว้างให้ชัดเจนก่อนครับ Digital Marketing เป็นเพียงส่วนย่อยของ Digital Economy เท่านั้น การทำเพจเฟซบุ๊กแบบ “Eximportal นำเข้าส่งออก” ก็เป็นเพียง Social Marketing รูปแบบหนึ่ง ที่อยู่ใน Online Marketing ซะด้วยซ้ำครับ
คุณควรจะตั้งเป้าไปสู่การให้บริการแบบ Digital ก่อนแล้วจึงเริ่มเดินตามเป้าไปทีละขั้นเพราะเมื่อลูกค้ามาหาคุณด้วยช่องทาง Digital แต่กลับมาเจอช่องทาง Analog ที่ปลายทาง ก็จะเท่ากับว่าคุณเหมือนคนอื่น ๆ แค่คุณสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ก่อนคนอื่นเท่านั้นเอง ซึ่งมันไม่เป็นดิจิทัลซักเท่าไหร่ และดูจะไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว มันไม่หวือหวาเหมือนเมื่อ 2-3 ปีก่อนครับ มันกลายเป็นแค่สิ่งที่ต้องทำเพราะการแข่งขันมันสูง ดังนั้นคุณค่าของตัวผลิตภัณฑ์ที่คุณส่งมอบให้กับลูกค้าก็ควรจะสูงกว่าคนอื่น ๆ เช่นกัน
สรุปครับ… การที่จะเน้นไปที่ Digital Marketing เป็นสิ่งที่ควรทำแต่เป้าหมายต้องอยู่ที่คุณค่าแบบ Digital ที่จะส่งมอบออกไปด้วย เพราะโลกกำลังจะเข้าสู่ยุค Digital Economy อย่างเต็มตัวแล้ว Digital Move ที่หมายถึงการคิดทำทุกอย่างแบบดิจิทัลเท่านั้นถึงจะอยู่ในโลก Digital ได้ การทำชิปปิ้งแบบเก่า ๆ นั้นจะหายไปอย่างแน่นอน คลื่นลูกใหม่ต้องโถมเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณไม่เปลี่ยนตอนนี้ วันนึงจะมีคนมาเปลี่ยนคุณแทนหรือไม่ก็ลบคุณออกไปเลย