สินค้าติดใบอนุญาตช่างเป็นสิ่งที่กวนใจมาก จนบางทีก็ถึงขั้นขัดขวางการนำเข้าหรือส่งออกของเราให้ล่มไปเลย เพราะ แค่เอาเข้ามาแล้วติดด่าน ค่าเคลียก็บานจนไม่รู้จะหากำไรจากไหนมาโปะได้ และด้วยความที่ผมมีลูกค้าขาจรที่สั่งสินค้ามาแล้วติดด่านติดต่อพอสมควร ผมคิดว่าบทความนี้น่าจะเป็นประโยชน์ ให้คุณได้เตรียมตัวให้เรียบร้อยก่อนจะนำเข้าสินค้าครับ
ปัจจัยหลักที่ทำให้เข้าใจผิดเรื่องใบอนุญาต
เห็นสินค้านั้นมีคนขายทั่วไป
บางครั้งเราเห็นสินค้าหลายตัว ไม่มีเลข มอก. ไม่มีเลข อย. ติดอยู่ข้างผลิตภัณฑ์ ก็ทำให้นึกไปว่า สินค้าตัวนั้นไม่ต้องขออนุญาต แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น สินค้าตัวนั้นอาจจะติดใบอนุญาตก็ได้ แม้จะไม่มีฉลากแปะไว้ก็ตาม
สินค้าบางตัวก็ขึ้นอยู่กับปริมาณนำเข้า
บางครั้งการนำเข้ามาก็มีปริมาณเข้ามาเกี่ยว เช่น นำเข้าสินค้าเครื่องสำอางมาใช้เองจำนวนน้อย ก็ไม่ต้องขอใบอนุญาต อย. แบบมีเลข แต่ต้องทำเรื่องขอนำเข้าที่ด่านก็เพียงพอ พอเราไม่รู้เรื่องพวกนี้ ตอนนำเข้าเพียงน้อย ๆ ก็นำเข้าได้ แค่มีค่าบริการเยอะหน่อยเท่านั้น แต่พอพร้อมจะนำเข้ามาขายกลับทำไม่ได้ ก็เพราะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ครับ
สินค้าบางตัวดูไม่เห็นจะต้องขอใบอนุญาตเลย
แปรงสีฟันปกตินั้นนำเข้าได้เลย แต่แปรงสีฟันไฟฟ้านั้นจัดว่าเป็นเครื่องมือแพทย์ เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ทำให้เราเข้าใจผิดได้ง่าย ๆ เลยครับ หรือ หลอดไฟที่ปกติเราจะต้องขอใบอนุญาต แต่ก็มีบางชนิดที่ไม่ต้องขอก็นำเข้าได้เหมือนกัน แค่แจ้งการนำเข้าเป็นรายครั้งก็นำเข้าได้
สินค้าที่ดูสับสนพวกนี้ ทำให้เราเข้าใจผิดได้ครับ
วิธีตรวจสอบด้วยตัวเองแบบง่าย
ลองเอาชื่อภาษาอังกฤษพิมพ์ใน GOOGLE เช่น “HS CODE ต่อด้วยชื่อสินค้า” เพียงเท่านี้จะมีผลการค้นหาออกมา ให้เราลองเลือกดูครับ หลังจากนั้นก็เข้าเวปกรมศุลกากร เพื่อนำพิกัดภาษีที่ได้ไปลองค้นหาดูว่าสินค้าของเราติดใบอนุญาตรึเปล่า
แต่ผมขอบอกไว้ก่อนนะครับว่า วิธีการนี้โอกาสผิดค่อนข้างสูงถ้าคุณตีความสินค้าเข้าข้างตัวเอง แนะนำให้มีข้อมูลเหล่านี้ไว้ใช้ประกอบการคุยกับชิปปิ้งก็พอครับ