เงินบาทอ๊อนอ่อนราวมะเขาเผือมะเขือเผาขนาดนี้นับว่าเป็นทุกข์หนักของผู้นำเข้าที่ยากจะยอมรับได้ โดยค่าเงินบาทเมื่อ MAY. 31, 2022 อยู่ที่ประมาณ 34.20 บาท ต่อ 1 ดอลล่าเท่านั้น แต่วันนี้ JUN. 15, 2022 กลับอ่อนค่ามาอยู่ที่ประมาณ 35.10 บาท ต่อ 1 ดอลล่า แล้ว ถ้าเราต้องจ่ายเงินให้ต่างประเทศ USD 10,000 ก็เท่ากับเราต้องหาเงินบาทมาจ่ายเพิ่มมากถึงประมาณ 9,000 บาท หรือประมาณ 257 ดอลล่าครับ
อาจจะดูไม่มากเมื่อแสดงเป็นตัวเลขแบบนี้ แต่เจ้า 9,000 บาท ที่เราต้องจ่ายเพิ่มนั้น มีค่าเท่ากับ ค่าบริการเคลียสินค้าขาเข้า+ค่ารถขนส่งเลยนะครับ
ยังไงก็แล้วแต่ การโอดครวญก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ผมเลยอยากชวนผู้นำเข้ามาดูกันดีกว่าว่าเราทำอะไรได้บ้าง
1 ลองเช็คดูว่าซื้อเป็นสกุลเงินอื่นได้มั้ย?
บางครั้งค่าเงินบาทต่อค่าเงินสกุลอื่นก็มีอัตราที่ดีกว่า ลองถามผู้ขายดูซักทีว่าพอจะเสนอราคาเป็นค่าเงินสกุลอื่นได้หรือไม่ เช่น ลองให้ผู้ขายที่จีนเสนอราคาเป็น RMB มาคู่กันกับ USD ดูหน่อยว่าแบบไหนมันถูกกว่ากัน เพราะ ที่จีนค่าเงินหยวนอาจจะแข็งค่ากว่าของเราก็ได้
2 ลองใช้บริการซื้อสัญญาซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้า
ถ้าคุณโอนทีเป็นแสนเป็นล้าน ก็ลองเดินเข้าแบงก์ไปถามพี่เค้าดูว่าถ้าซื้อสัญญาซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้า จะมีค่าบริการอะไรเท่าไหร่ ถ้าคุ้มค่าก็น่าจะลองดูครับ
ข้อดีของสัญญาฯนี้ก็หมายถึงคุณจะสามารถกำหนดต้นทุนได้ทันทีว่างานนี้ของคุณจะมีต้นทุนเท่าไหร่ เพราะคุณซื้อดอลล่าไว้แล้ว ไม่ว่ามันจะขึ้นหรือลงคุณก็จะได้จ่ายเท่านี้แน่นอน
3 ซื้อเงินดอลล่าเก็บไว้เลย
ตอนนี้ธนาคารมีระบบเปิดบ้ญชีฝากเงินต่างประเทศแล้วนะครับ เห็นมีหลายธนาคารเลย การซื้อแบบนี้ก็คล้าย ๆ กับการซื้อสัญญาล่วงหน้า แต่จะมีความยืดหยุ่นตรงที่มันอาจจะขึ้นหรือลงก็ได้ ไม่ได้ล๊อกไว้แบบสัญญาล่วงหน้า
ถ้าคุณชอบความยืดหยุ่น แบบนี้ก็ดีกว่าตรงที่คุณเลือกเก็บเงินต่างประเทศไว้ตามจำนวนที่จะจ่ายเลย หรือ จะลองรอดูไปก่อนว่ามันอาจจะดีกว่าเดิม แต่ลดความเสี่ยงด้วยการเก็บดอลล่าไว้จำนวนนึงก่อนก็ได้
ผมก็เป็นคนคนนึงที่ได้รับผลกระทบตรงนี้ค่อนข้างหนัก ก็กำลังพิจารณาทางเลือกเหล่านี้ไว้อยู่เหมือนกัน คิดว่าอาจจะเปิดบัญชีสำหรับเก็บเงินตราต่างประเทศไว้ก็ดีเหมือนกัน มาพยายามสู้ไปด้วยกันนะครับ