ภาษีนำเข้า คือ ภาษีที่เราจะต้องจ่ายเมื่อมีการนำเข้าสินค้าเข้ามาในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่ทุก ๆ คนก็อยากรู้ว่าภาษีมันจะเท่าไหร่ยังไงเพื่อเอาไปคำนวณต้นทุนใช่มั้ยครับ?
โดยปกติเราก็อาจจะอยากหาเองว่ามันเท่าไหร่กันแน่ แต่ผมแนะนำเลยครับว่า การหาเองนั้นมันมีโอกาสที่จะทำให้คุณได้ค่าภาษีมาผิด ๆ ก็ได้ ทางที่ดีที่สุดคือ ควรจะหาผู้ให้บริการที่เข้าใจตัวสินค้านั้นเป็นอย่างดี มาทำงานให้ดีกว่า
และก่อนจะถาม ผมแนะนำว่าคุณต้องเตรียมข้อมูลเหล่านี้ไว้ให้พร้อม เพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ตรงที่สุดครับ
อ่อ.. ถ้าถามใครแล้ว ใช้บริการเค้าด้วยนะครับ ถือว่าเป็นการรับบริการก่อน จ่ายทีหลังครับ ความรู้บนโลกนี้ไม่ฟรี ยังไงก็เห็นใจคนอาชีพเดียวกับผมกันด้วยนะครับ
แนะนำให้อ่าน: วิธีคิดภาษีนำเข้า
ข้อสำคัญที่ต้องมีก่อนจะคิดค่าภาษีนำเข้าได้
1. สินค้าเป็นอะไร
พิกัดภาษีจะเป็นตัวบอกว่าสินค้าอะไรต้องเสียค่าภาษีนำเข้าเท่าไหร่ นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมชิปปิ้งจึงบอกภาษีคุณไม่ได้ในทันทีและเพื่อจะรู้พิกัดภาษีได้ คุณต้องเตรียมเรื่องเหล่านี้ไว้ให้ครบ
- รูปภาพชัด ๆ – รูปภาพจะช่วยให้เข้าใจสินค้าได้เร็วขึ้นครับ อย่างถ้าผมเคยเคลียสินค้านั้นมาก่อน พอเห็นรูปก็จะรู้ได้ทันทีว่าสินค้านั้นจะต้องเข้าพิกัดอะไร เสียภาษีอย่างไร มีสิทธิพิเศษรึไม่ และควรจัดการอย่างไร
- คำอธิบายเคลีย ๆ – สำหรับสินค้าบางตัวรูปลักษณ์ภายนอกก็ไม่ได้บ่งบอกว่าจะเอาไปใช้ทำอะไร หากไม่เตรียมคำอธิบายไว้ผมก็จะไม่รู้เลยว่ามันต้องเข้าพิกัดภาษีตัวไหน เช่น สินค้าจำพวกเครื่องจักร เป็นต้น
2. มูลค่าเท่าไหร่
หลังจากรู้พิกัดภาษีว่ากี่เปอร์เซ็นต์(%)ที่ต้องโดนเรียกเก็บแล้วเราก็นำมาคำนวณกับมูลค่าสินค้าจริงกันครับ โดยสามารถใช้สูตรคำนวณจากบทความนี้ วิธีคิดภาษีนำเข้า ส่วนมูลค่าที่ต้องรู้ก็ตามด้านล่างนี้เลยครับ
- ค่าสินค้า – สินค้าตัวนั้นมูลค่าเท่าไหร่
- ค่าขนส่ง – ค่าขนส่งชิปเม้นท์นั้นเท่าไหร่
- ค่าประกัน – เบี้ยประกันเท่าไหร่
เพียงมีข้อมูลเท่านี้ก็สามารถจะรู้ภาษีนำเข้าได้แล้วละครับ