อยากมีอาชีพเสริม อยากมีรายได้เพิ่มเติมหรืออยากจะสร้างอนาคต……?!? แน่นอนว่าคนทุกยุคทุกสมัยที่อยู่ในสังคมลูกจ้างที่ไม่ใช่ว่าใครก็ก้าวหน้าได้ทุกคนแบบนี้ ก็คงอยากจะหาอะไรมาเป็นทางเลือกเสริมให้กับอนาคตตัวเอง วันนี้ผมมาแนะนำการทำธุรกิจนำเข้าสินค้าจีนมาขายครับ
โดยผมเตรียมงบประมาณสำหรับเริ่มต้นธุรกิจนำเข้าให้กับคุณดังนี้
เก็บเงินให้ได้ 50,000 บาทก่อน….
ถึงจะมีเงินเดือน 15,000 ก็ต้องพยายามเก็บเงินให้ได้ก่อนประมาณนี้ครับ และคววรจะหัดทำบัญชีรับจ่ายไว้ด้วย การที่เราเริ่มหัดมีวินัยทางการเงินในตัวเองด้วยการเก็บเงินให้ได้ก่อนเป็นเรื่องที่สมควรทำที่สุด มันเป็นการวางรากฐานการทำธุรกิจที่ดีครับ บางคนอาจจะคิดว่ามีวิธีตั้งมากมายผมก็ไม่เถียงนะครับ คุณทำได้ครับแต่มันเหมือนคนพื้นฐานไม่แน่น ผมคิดว่าการบริหารเงินอันน้อยนิดของเราให้ได้ก่อนจึงสำคัญครับ
ลองคิดตามนี้ครับ… คุณใช้เวลา 10 เดือน เก็บเงินเดือนละ 5,000 บาท ซึ่งในช่วงเวลานั้นคุณก็ศึกษาสินค้าที่คุณจะขายว่ามันมีจุดเด่นจุดด้อยกับคนอื่น ๆ ในตลาดยังไง ศึกษาการใช้เฟซบุ๊กเพื่อทำออนไลน์มาเก็ตติ้ง วิธีการนำเข้า และ ตรวจสอบต้นทุนที่แท้จริง ก็น่าจะพอดี ๆ กับที่เงินเก็บของคุณพร้อมจะทำงานพอดีเลยละครับ ซึ่งถ้าคุณยังเก็บเงินไม่ได้ตามนี้ ผมว่าคุณต้องทบทวนการใช้เงินและต้องหาวิธีการทำเงินเพิ่มอีกซักนิดนะครับ
หลังจากที่เก็บเงินได้แล้ว ผมแบ่งเงินทุนของคุณออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
- ค่าสินค้า 30,000 บาท
- ค่าขนส่ง + ค่าภาษี 15,000 บาท
- เงินสำรอง 5,000 บาท
ลองเปิด Alibaba หรือ Taobao ดูสิ
ในระหว่างที่เก็บเงิน คุณก็สามารถลองหาสินค้าที่ตลาดออนไลน์แห่งนี้ครับ ตลาดนี้สร้างเศรษฐีใหม่มานักต่อนักแล้ว ลองเปิดมาแล้วก็หาสินค้ากันดูเลยครับ ร้านไหนขายส่ง ราคายังไง มีใครเปรียบเทียบได้บ้าง ราคาโอเคสินค้าโอเคมั้ย เปรียบเทียบให้เรียบร้อยและหากคนขายยินดีขายในจำนวนน้อยแล้วส่ง Courier ได้ ก็ลองสั่งของตัวอย่างซัก 1-2 ชิ้นมาดูได้ครับ
สินค้าหลาย ๆ ตัวก็ไม่ได้มีราคาสูงอะไร เราอาจจะเริ่มที่สินค้าซัก ชิ้นละไม่เกิน 100 บาท ซัก 50 ชิ้นก็ได้ครับ หาได้ซัก 6 ชนิด ก็จะใกล้ ๆ กับงบประมาณเราพอดี แต่หาเกินกว่านี้ก็จะดีนะครับ ลองเลือกตัวเลือกรอง ๆ ไว้ เผื่อสินค้าตัวที่เราอยากจะนำเข้ามันยุ่งยากหรือมีค่าใช้จ่ายสูง เราจะได้มีตัวเลือกที่ยืดหยุ่นครับ
มาดูด้านขนส่งกันต่อครับ
เมื่อหาสินค้าได้หลายตัวจนพอใจแล้ว ก็นำรูปภาพ ใบสั่งซื้อ และ ข้อมูลต่าง ๆ มาปรึกษาชิปปิ้งครับ ซึ่งก็คือผมนี่แหละ ผมก็จะดูให้ว่ามันนำเข้าได้มั้ย ถ้าได้จะทำยังไงได้บ้าง
สิ่งที่ผมแนะนำในเบื้องต้นได้ก็คือ ให้พยายามเลือกสินค้าที่คุณถนัดและหลงไหลมันอย่างจริงจัง เพราะเวลาคุณขายของคุณจะสามารถพูด อธิบาย เกี่ยวกับตัวสินค้าได้อย่างน้ำไหลไฟดับ คนเค้าเห็นว่าคุณโคตรโปรฯ เค้าก็อยากซื้อของกับคุณเองครับ
แนะนำให้อ่าน: วิธีคำนวณต้นทุนสินค้านำเข้าแบบง่าย
แนะนำให้อ่าน: เราจะทราบค่าภาษีนำเข้าได้อย่างไร?
ต้นทุนในการขนส่งดูสูงนะครับ แต่การนำเข้าจำนวนน้อยมันก็แบบนี้แหละครับ ถ้าคุณนำเข้าจำนวนมากขึ้นมันจะถูกลงอย่างเห็นได้ชัดครับ หรือจะใช้วิธีเปิดให้พรีออเดอร์ควบคู่กันไปด้วยดูก็ได้นะครับ ถ้าคุณทำได้ผมก็แนะนำให้ทำนะครับ
คำแนะนำเพิ่มเติม: ลองหัดทำ Facebook fan page และ ทำโฆษณาออนไลน์ ด้วยเงิน 5,000 ที่เหลือ
สำหรับคนที่ยังไม่เคยทำแฟนเพจ ก็ลองทำกันดูก่อนได้เลยนะครับ ในกรณีที่คุณเป็นช่างภาพหรือนักออกแบบก็จะมีต้นทุนดีกว่าคนอื่นเค้าหน่อย แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ต้องลองหาโปรแกรมพวกพิมพ์ข้อความใส่รูปภาพดี ๆ ซักตัวมาช่วยครับ แอพฯเสียเงินที่เมื่อก่อนเราอาจจะไม่เคยสนใจจะเสียตังให้มัน วันนี้เราคงต้องลองดูซักตัวแล้วละครับ
พอออกแบบรูปประกอบสวย ๆ ได้แล้ว หรือ ทำโลโก้ง่าย ๆ บ้าน ๆ ได้ซักอันหนึ่งแล้ว ก็เริ่มเปิดเพจได้ครับ แรกเริ่มเราก็ให้เพื่อน ๆ ช่วยกันกดไลก์เพจเรากันก่อน แล้วก็ช่วยกันแชร์ออกไป เป็นต้นทุนไลก์ ให้พอมีซักหน่อยก่อน
ส่วนการยิงโฆษณาแบบง่ายนั้นก็คือต้องรู้จักตั้ง Target ครับ โดย Facebook จะมี target ให้เราเลือกตอนจะยิงโฆษณา เราก็เลือกคนที่มันเกี่ยวข้องกับสินค้าของเราไว้ เช่น เรามีสินค้าเป็นหูฟัง เราก็เลือกคนอายุ 23-35 อยู่ในเขต กทม. สนใจการฟังเพลง เป็นต้น
โดยลองตั้งความสนใจซัก 10 แบบ แล้วยิงโฆษณาแบบละ 100 บาทไปก่อน พออันไหนเวิร์คก็ค่อยอัดงบเข้าโฆษณาอันนั้นเพิ่มเข้าไปนะครับ
ทั้งหมดที่เขียนไว้ก็เป็นคำแนะนำเบื้องต้นเท่านั้นนะครับ บางครั้งค่าใช้จ่ายก็อาจจะไม่เป็นไปตามที่เขียนไว้ และ ในความเป็นจริง “ทุกอย่างไม่มีวันราบรื่นดั่งใจ” คุณควรจะเผื่อใจสำหรับปัญหาและวางแผนสำหรับการขาดทุนไว้ด้วยนะครับ