หลังจากทำออนไลน์มาเก็ตติ้งของตัวเองมาพักใหญ่ ๆ ผมพบว่ามันง่ายมากที่จะเปิดคอมฯตัวเองแล้วเขียนบทความ ปรับแต่งเวปไซต์ ทำเอกสารแจกฟรี ทำการตลาด วัดผลการทำแคมเปญ หรือดูแลความเจริญเติบโตของ traffic เวปไซต์ตัวเองครับ เรื่องเหล่านี้มันง่ายมากเลย แต่กลับกันเมื่อทำขององค์กรความเฟ้งฟ้างกลับเข้าโจมตีผมทันที เพราะไม่มีใครเข้าใจว่า Online Marketing ทำยังไงและจะสร้างลูกค้าให้เราได้ยังไง? (ทั้ง ๆ ที่ผมก็แสดงให้เห็นถึงความเติบโตในด้านสถิติโอกาสปิดการขายจาก exptblog.com แล้วน่ะนะ) ผมสรุปว่าปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากเรื่องเหล่านี้ครับ

ขาดคนพร้อมจะทำ

ตอนที่ผมทำนั้นทั้งองค์กรมีผมคนเดียวที่รู้เรื่องครับ การที่ผมรู้จริงเพียงคนเดียวนั้นจึงไม่พอแน่นอนครับ ภาพรวมของแผนการมันต้องเข้าใจกันทั้งหมด เวลาออกรบถ้าทหารไม่เข้าใจแผน นายพลสั่งอะไรไปก็ล้มเหลวนะครับ

ซึ่งเรื่องนี้สำหรับผม ผมถือว่าผมผิดเองที่ชี้ให้ทุกคนเห็นภาพไม่ได้ว่าพวกเค้าทำแล้วจะได้อะไร ดังนั้นถ้าใครคิดจะทำออนไลน์จริง ๆ คงต้องเตรียมแผนงานตั้งแต่ทีมงานฐานรากเลยนะครับ

ไม่จัดตั้งทีมอย่างจริงจัง

สิ่งที่ผมเจอคือผมต้องทำงานหลายอย่างมากเกินไปครับ นั่นก็หมายความว่าถ้าเราจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำการตลาด เราก็ควรจะจริงจังกับมันไปเลย ไม่ใช่ให้คนทำแบบเดิมควบคู่ไปกับการทำเรื่องใหม่ คุณก็รู้ ๆ อยู่ว่าเราหาลูกค้ากันยังไง แล้วนั่นยังจะทำให้เรามีเวลาไปทำออนไลน์มาเก็ตติ้งจริง ๆ เหรอ?

ดังนั้นผมรู้ว่าถ้าทุ่มเทให้กับการทำออนไลน์เพียว ๆ เลยจะช่วยเราในระยะยาวได้มากกว่าจริง ๆ แต่เมื่อไม่สามารถโฟกัสงานได้ งานมันก็ออกมาไม่ดี รวมทั้งคนทำงานก็อารมณ์ไม่ดีด้วยนะครับ เพราะวันนึงทำหลายงานจนโฟกัสงานสำคัญไม่ได้ และถ้าต้องแบกงานกลับบ้านไปทำ นี่คงไม่ใช่นะครับ

วัดผลไม่เป็น

จะเอาอะไรมาเป็นตัววัดผลดี? ยอด Like แบบนั้นรึเปล่า? หรือตัวเลขไหนที่จะช่วยได้จริง ๆ ที่ไม่ใช่ยอดขาย แน่นอนว่ายอดขายสำคัญที่สุด แต่ป้ายบอกทางว่าการทำออนไลน์มาเก็ตติ้งของเราได้เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วมันคืออะไร?

หลัก ๆ เลย เราต้องรู้ก่อนว่า ยดอขายมันเกิดได้เพราะอะไร? เช่น จำนวณโอกาสปิดการขาย จากนั้นโอกาสปิดการขายจะเกิดได้เพราะอะไร? เราก็ลองมาวิเคราะห์ดูจากวิธีการต่าง ๆ แล้วเราก็จะเริ่มวางแผนทำการตลาดได้ครับ นี่คือคำแนะนำง่าย ๆ ที่ใช้สำหรับวางแผนและวัดผลไปในทีเดียวกันเลยครับ ซึ่งผมก็ใช้หลักนี้แหละครับ ตัววัดอะไรที่มันซับซ้อนและยากไปกว่านี้ผมว่ายังไม่ควรใช้ตอนเริ่มต้นครับ

คน Online ใน Field นี้ มันน้อยมาก

ถ้าใครที่เปิดร้านออนไลน์อยู่ จะเข้าใจเครื่องมือและช่องทางแต่ละตัวอยู่พอสมควรครับ แต่นั่นก็เป็น B2C ที่แตกต่างกับ B2B โดยสิ้นเชิง แล้วยิ่งผลิตภัณฑ์ของเรามีแค่ไม่กี่อย่าง เฟรท, ชิปปิ้ง, รถ หรือ แพคกิ้ง ยิ่งไม่มีอะไรจะไปขาย หรือจะถ่ายรูปให้สวย ๆ เอาไปยิงโฆษณาก็คงจะไม่ได้อีกนั่นแหละ สุดท้ายถึงจะยิงโฆษณาเป็น สร้างเวปไซต์ได้แต่ก็ทำการตลาดไม่ได้อยู่ดีนั่นเองครับ

ถ้าคุณอยากจะเข้าใจออนไลน์มาเก็ตติ้งสำหรับธุรกิจนี้ ก็ลองกดไปดูลิ้งก์นี้ได้เลยนะครับ: คอร์สออนไลน์มาเก็ตติ้งสำหรับเฟรทฯและชิปปิ้ง ผมสอนไม่มีกั๊กครับ

สุดท้ายนี้ผมอยากจะให้เข้าใจว่าทุกงานมีความสำคัญ แต่ต้องเข้าใจและจัดลำดับความสำคัญให้ได้ งานที่ควรให้ความใส่ใจก็ต้องส่งคนลงไปทำเฉพาะทางเลย จะสร้างบุคคลากรก็สร้าง Career Path ให้ชัดเจนไปเลย ไม่ควรจะปล่อยการบริหารทั้งแผนทั้งคนให้เป็นไปตามยถากรรมนะครับ

Previous article3 อย่างที่ต้องทำเพื่อความสำเร็จ
Next article3 เรื่องที่ผู้นำเข้ามือใหม่มักจะกังวล
เซลส์เฟรทฯ ผู้หันหลังให้กับ Tele-Marketing มาทุ่มเทให้กับการทำ Online Marketing แบบเต็มตัว

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here