สำหรับผู้นำเข้าที่ต้องการลดความยุ่งยากและความเสี่ยงในการขนส่งสินค้าจากต่างประเทศให้เหลือน้อยที่สุด เทอม DAP (Delivered at Place) คือหนึ่งในคำตอบที่ดีที่สุด เพราะมันเปรียบเสมือนบริการ “ส่งถึงหน้าบ้าน” ที่ผู้ขายจัดการให้เกือบทั้งหมด
บทความนี้จะวิเคราะห์เทอม DAP จากมุมมองของ “ผู้นำเข้า” เพื่อให้คุณเข้าใจว่าความสะดวกสบายนี้มีประโยชน์อย่างไร และคุณมีหน้าที่สำคัญอะไรบ้างที่ต้องเตรียมพร้อม
ข้อดีของการใช้เทอม DAP สำหรับผู้นำเข้า (Advantages for the Importer)
- ความเสี่ยงในการขนส่งต่ำมาก (Very Low Risk): นี่คือข้อได้เปรียบสูงสุด ผู้นำเข้าไม่ต้องรับความเสี่ยงใดๆ เลยตลอดการเดินทางของสินค้า ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายหรือการสูญหาย ผู้ขายคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมดจนกว่าสินค้าจะมาถึงสถานที่ของคุณ ทำให้คุณอุ่นใจได้ โดยเฉพาะเมื่อสั่งซื้อสินค้ามูลค่าสูงหรือแตกหักง่าย
- ความสะดวกสบายสูงสุด (Maximum Convenience): คุณไม่ต้องวุ่นวายกับการหาบริษัทขนส่ง, ต่อรองราคาค่าระวาง, หรือติดตามสถานะการขนส่งที่ซับซ้อน หน้าที่ของคุณมีเพียงรอให้สินค้าเดินทางมาถึงตามกำหนดเท่านั้น
- ควบคุมกระบวนการนำเข้าได้เอง (Control over the Import Process): นี่คือจุดที่ DAP เหนือกว่า DDP อย่างชัดเจน ผู้นำเข้าสามารถใช้ตัวแทนออกของ (ชิปปิ้ง) ที่ตนเองไว้วางใจได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าการสำแดงพิกัดศุลกากร (HS Code) จะถูกต้อง, การคำนวณภาษีอากรจะไม่ผิดพลาด และการดำเนินงานสอดคล้องกับกฎระเบียบของไทย ซึ่งช่วยป้องกันปัญหาการจ่ายภาษีเกินความจำเป็นหรือการทำผิดกฎหมายโดยไม่ตั้งใจ
ข้อเสียและความรับผิดชอบของเทอม DAP ที่ผู้นำเข้าต้องจัดการ (Disadvantages and Responsibilities for the Importer)
- ราคาสินค้าโดยรวมสูงขึ้น (Higher Overall Product Price): เป็นเรื่องปกติที่ราคาต่อหน่วยของสินค้าในเทอม DAP จะสูงกว่าเทอมอื่นอย่าง FCA หรือ FOB เพราะผู้ขายได้รวมค่าใช้จ่ายในการขนส่งทั้งหมดและความเสี่ยงที่พวกเขาต้องแบกรับเข้าไปในราคาขายแล้ว
- ภาระในการขนถ่ายสินค้าลง (Responsibility for Unloading): ผู้นำเข้า ต้อง เตรียมบุคลากรและอุปกรณ์ (เช่น โฟล์คลิฟท์, เครน, หรือคนงาน) ให้พร้อมสำหรับขนถ่ายสินค้าลงจากยานพาหนะที่มาส่ง หากเตรียมการไม่พร้อมและเกิดความล่าช้า อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าเสียเวลาของรถบรรทุก (Detention Fee)
- ต้องจัดการพิธีการนำเข้าและภาษี (Must Handle Import Clearance and Duties): นี่คือภารกิจสำคัญที่เหลืออยู่ ผู้นำเข้าต้องเตรียมพร้อมด้านเอกสารและเงินทุนสำหรับชำระภาษีอากรให้ทันท่วงที เพื่อให้สินค้าสามารถผ่านด่านศุลกากรและถูกนำมาส่งได้ตามกำหนด
ตัวอย่างสถานการณ์: ผู้นำเข้าของตกแต่งบ้านจากจีน
ร้าน “บ้านสวย” ในกรุงเทพฯ นำเข้าโคมไฟคริสตัลและเฟอร์นิเจอร์จากซัพพลายเออร์ในเมืองกวางโจว ประเทศจีน โดยตกลงใช้เทอม DAP โกดังร้านบ้านสวย, ถนนสุขุมวิท, กรุงเทพฯ
- กระบวนการ: ซัพพลายเออร์จีนจัดการขนส่งทั้งหมดจนกระทั่งรถบรรทุกมาจอดที่หน้าร้าน “บ้านสวย” บนถนนสุขุมวิท
- หน้าที่ของ “บ้านสวย” (ผู้นำเข้า):
- ด้านภาษี: ติดต่อชิปปิ้งของตนเองให้ดำเนินพิธีการนำเข้าโคมไฟและเฟอร์นิเจอร์ที่ท่าเรือแหลมฉบัง และชำระภาษีนำเข้าทั้งหมด
- ด้านการขนถ่าย: เตรียมทีมงาน 4-5 คนไว้ที่หน้าร้าน เมื่อรถบรรทุกมาถึง ทีมงานต้องรีบช่วยกันขนโคมไฟและเฟอร์นิเจอร์ลงจากรถอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจรและเพื่อไม่ให้เกิดค่าใช้จ่ายในการรอ
- ประโยชน์ที่ได้รับ: เจ้าของร้าน “บ้านสวย” ไม่ต้องกังวลเลยว่าโคมไฟคริสตัลที่แตกหักง่ายจะเสียหายระหว่างการขนส่งทางทะเลหรือทางบก เพราะความเสี่ยงทั้งหมดเป็นของผู้ขาย
Checklist สำหรับผู้นำเข้า: DAP คือคำตอบของคุณหรือไม่?
- [ ] คุณต้องการให้ผู้ขายรับผิดชอบความเสี่ยงในการขนส่งทั้งหมดจนถึงสถานที่ของคุณใช่หรือไม่?
- [ ] คุณต้องการหรือจำเป็นต้องจัดการพิธีการนำเข้าและภาษีด้วยตนเอง (หรือผ่านตัวแทนของคุณ) ใช่หรือไม่?
- [ ] คุณมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรและอุปกรณ์ในการขนถ่ายสินค้าลงจากรถ ณ สถานที่ของคุณใช่หรือไม่?
หากคำตอบทั้งหมดคือ “ใช่” เทอม DAP ถือเป็นความลงตัวที่ยอดเยี่ยมระหว่างความสะดวกสบาย, การลดความเสี่ยง, และการควบคุมกระบวนการที่สำคัญในประเทศของคุณ