สำหรับผู้นำเข้า การเลือกใช้ Incoterm ที่เหมาะสมเปรียบเสมือนการเลือกเครื่องมือที่ถูกต้องในการบริหารจัดการต้นทุนและซัพพลายเชน FCA (Free Carrier) คือหนึ่งในเทอมที่มอบอำนาจในการควบคุมให้แก่ผู้นำเข้าได้อย่างสมดุล โดยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงสุดขั้วแบบเทอม EXW
บทความนี้จะวิเคราะห์เทอม FCA จากมุมมองของ “ผู้นำเข้า” เพื่อให้คุณเห็นถึงข้อได้เปรียบและสิ่งที่ต้องจัดการเมื่อเลือกใช้เงื่อนไขนี้
ข้อดีของการใช้เทอม FCA สำหรับผู้นำเข้า (Advantages for the Importer)
- ควบคุมค่าขนส่งหลักและตารางเวลาได้เต็มที่ (Full Control over Main Freight and Schedule): นี่คือข้อดีที่สำคัญที่สุด ผู้นำเข้าเป็นผู้เลือกและทำสัญญากับผู้รับขนส่ง (สายเรือ/สายการบิน) เอง ทำให้สามารถเลือกบริการที่ตรงกับความต้องการที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา, ความเร็วในการขนส่ง, หรือความน่าเชื่อถือ ซึ่งต่างจากกลุ่ม C-Terms (เช่น CIP, CIF) ที่ผู้ขายเป็นผู้เลือกให้
- หลีกเลี่ยงความยุ่งยากของพิธีการส่งออก (Avoids Export Formalities): เทอม FCA ตัดปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเทอม EXW ออกไป นั่นคือผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินพิธีการศุลกากรขาออกทั้งหมด ผู้นำเข้าจึงไม่ต้องกังวลกับกฎระเบียบและเอกสารที่ซับซ้อนในประเทศต้นทาง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อนำเข้าจากประเทศที่ไม่คุ้นเคย
- ความยืดหยุ่นสูงในการกำหนดจุดรับมอบสินค้า (High Flexibility in Defining Delivery Point): ผู้นำเข้าสามารถเลือกได้ว่าจะให้ตัวแทนของตนไปรับสินค้าที่หน้าโรงงานของผู้ขาย หรือจะให้ผู้ขายนำสินค้ามาส่งมอบ ณ คลังสินค้าของ Freight Forwarder ที่ตนเลือกไว้ ซึ่งสะดวกอย่างยิ่งสำหรับการรวบรวมสินค้า (Consolidation) จากซัพพลายเออร์หลายรายก่อนทำการส่งออก
ข้อเสียและความรับผิดชอบของเทอม FCA ที่ผู้นำเข้าต้องจัดการ (Disadvantages and Responsibilities for the Importer)
- รับผิดชอบค่าขนส่งและความเสี่ยงตลอดเส้นทางหลัก (Responsible for Main Carriage and Risk): เมื่อรับมอบสินค้าแล้ว ผู้นำเข้าต้องรับผิดชอบทั้งค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงทั้งหมดตลอดการขนส่งหลักระหว่างประเทศ ดังนั้น การทำประกันภัยสินค้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้นำเข้าต้องจัดการด้วยตนเอง
- ภาระการขนถ่ายสินค้าลง (Unloading Responsibility) ในบางกรณี: หากผู้นำเข้าเลือกให้ผู้ขายนำสินค้ามาส่งมอบ ณ สถานที่อื่น (เช่น คลังสินค้า Forwarder) ผู้นำเข้าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการนำสินค้าลงจากยานพาหนะของผู้ขาย ซึ่งต้องมีการประสานงานและเตรียมความพร้อมให้ดี
- ต้องประสานงานระหว่างผู้ขายและผู้รับขนส่ง (Coordination is Key): ผู้นำเข้ามีหน้าที่ต้องสื่อสารและประสานงานระหว่างผู้ขายและผู้รับขนส่งที่ตนเองเลือก เพื่อนัดหมายวันและเวลารับมอบสินค้าให้ราบรื่น
ตัวอย่างสถานการณ์: ผู้นำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์จากอาร์เจนตินา
บริษัท “ฟีดมอร์” ในไทย นำเข้ากากถั่วเหลืองเพื่อผลิตอาหารสัตว์จากซัพพลายเออร์ในอาร์เจนตินา โดยใช้เงื่อนไข FCA Port of Buenos Aires, Argentina
- กระบวนการ:
- “ฟีดมอร์” (ผู้ซื้อ) ทำสัญญาเช่าตู้คอนเทนเนอร์กับสายเรือแห่งหนึ่งที่ตนเองมีสัญญาอยู่
- ซัพพลายเออร์ในอาร์เจนตินา (ผู้ขาย) บรรจุกากถั่วเหลืองใส่ตู้คอนเทนเนอร์, ดำเนินพิธีการส่งออก, และขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ไปส่งมอบให้กับตัวแทนของสายเรือ ณ ลานวางตู้คอนเทนเนอร์ (Container Yard – CY) ที่ท่าเรือบัวโนสไอเรส
- เมื่อตู้คอนเทนเนอร์ถูกส่งมอบที่ลาน CY ความเสี่ยงทั้งหมดจะโอนมาเป็นของ “ฟีดมอร์” ทันที
- ข้อได้เปรียบสำหรับ “ฟีดมอร์”:
- สามารถเลือกใช้สายเรือที่ให้ราคาค่าขนส่ง (Ocean Freight) ที่ดีที่สุดได้
- ไม่ต้องกังวลกับขั้นตอนการทำศุลกากรขาออกของอาร์เจนตินา
- สามารถวางแผนการเดินเรือให้สอดคล้องกับตารางการผลิตของโรงงานในไทยได้
Checklist: FCA เหมาะกับผู้นำเข้าแบบไหน?
- [ ] คุณต้องการควบคุมค่าใช้จ่ายและตารางเวลาของค่าขนส่งหลัก (เรือ/เครื่องบิน) ด้วยตนเองใช่หรือไม่?
- [ ] คุณมี Freight Forwarder หรือตัวแทนที่เชื่อถือได้ซึ่งสามารถจัดการขนส่งระหว่างประเทศให้คุณได้ใช่หรือไม่?
- [ ] คุณไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพิธีการศุลกากรในประเทศของผู้ขายใช่หรือไม่?
หากคำตอบส่วนใหญ่คือ “ใช่” FCA คือหนึ่งในเทอมที่ดีและสมดุลที่สุดสำหรับธุรกิจนำเข้าของคุณ