drone shot of a cargo ship on port

สำหรับผู้นำเข้า การเห็นใบเสนอราคาที่ระบุเทอม EXW (Ex Works) อาจดูน่าดึงดูดใจเป็นพิเศษ ด้วยราคาต่อหน่วยที่มักจะต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับเทอมอื่นๆ แต่ราคาที่ดูเหมือน ‘ถูก’ นั้น คือภาพสะท้อนของภาระความรับผิดชอบและความเสี่ยงสูงสุดที่ผู้ซื้อต้องแบกรับไว้ทั้งหมด

หลังจากที่เราเข้าใจความหมายพื้นฐานของ EXW จากบทความที่แล้ว ในบทความนี้เราจะวิเคราะห์อย่างละเอียดจากมุมมองของ “ผู้นำเข้า” ว่าการเลือกใช้เทอมนี้มีข้อดีที่จับต้องได้จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงกับดักที่อาจนำไปสู่ต้นทุนที่บานปลาย

ข้อดีของการใช้เทอม EXW สำหรับผู้นำเข้า (Advantages for the Importer)

แม้จะมีความเสี่ยงสูง แต่การเลือกใช้ EXW ก็มีข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์สำหรับผู้นำเข้าที่มีความพร้อม ดังนี้

  1. การควบคุมขั้นสูงสุด (Maximum Control Over Logistics Costs) นี่คือข้อได้เปรียบที่ชัดเจนที่สุด ผู้นำเข้าสามารถเลือกใช้บริการบริษัทขนส่ง (Freight Forwarder) ที่ตนเองเชื่อถือได้ ตลอดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การขนส่งทางบกในประเทศต้นทาง, การขนส่งทางเรือ/อากาศ, ไปจนถึงการทำประกันภัย ซึ่งอาจจะเหมาะสมกับ
  2. ความยืดหยุ่นในการจัดการขนส่ง (Flexibility in Managing Shipments) ผู้นำเข้าที่สั่งสินค้าจากซัพพลายเออร์หลายรายในประเทศเดียวกัน สามารถใช้เทอม EXW เพื่อให้ตัวแทน (Forwarder) ไปรับสินค้าจากแต่ละโรงงาน แล้วนำมารวบรวม (Consolidate) ที่คลังสินค้าก่อนทำการขนส่งข้ามประเทศในครั้งเดียว ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งต่อหน่วยได้อย่างมีนัยสำคัญ
  3. ราคาตั้งต้นของสินค้าโปร่งใส (Transparent Product Price) ราคาที่ได้รับภายใต้เทอม EXW คือราคาของตัวสินค้าล้วนๆ โดยไม่มีค่าบริการด้านโลจิสติกส์ใดๆ แฝงอยู่ ทำให้ผู้นำเข้าสามารถแยกแยะและเปรียบเทียบต้นทุนของสินค้ากับต้นทุนค่าขนส่งได้อย่างชัดเจน

ข้อเสียและความเสี่ยงของเทอม EXW ที่ผู้นำเข้าต้องแบกรับ (Disadvantages and Risks for the Importer)

ข้อดีที่กล่าวมาต้องแลกมากับความเสี่ยงและภาระหน้าที่ที่หนักหน่วง ซึ่งผู้นำเข้าต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

  1. ภาระและความเสี่ยงในการขนของขึ้นยานพาหนะ (Responsibility for Loading) ตามมาตรฐาน Incoterms 2020 ผู้ขายไม่มีหน้าที่ในการขนสินค้าขึ้นรถบรรทุกหรือตู้คอนเทนเนอร์ให้ นั่นหมายความว่า ผู้นำเข้าต้องรับผิดชอบกระบวนการนี้เอง หากเกิดอุบัติเหตุสินค้าเสียหายระหว่างการขนขึ้นรถ ความเสียหายนั้นเป็นของผู้ซื้อ 100%
  2. ความท้าทายสูงสุด: พิธีการศุลกากรขาออก (The Challenge of Export Customs) นี่คือ “กับดัก” ที่สำคัญที่สุดของเทอม EXW ในหลายประเทศ กฎหมายกำหนดให้ผู้ที่ดำเนินพิธีการศุลกากรขาออก (Exporter of Record) ต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศนั้นๆ เท่านั้น ซึ่งผู้นำเข้าที่อยู่ต่างประเทศไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง ทำให้ต้องพึ่งพาตัวแทน (Forwarder) อย่างสมบูรณ์ในการจัดการเรื่องเอกสารและใบอนุญาตส่งออก ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและมีความซับซ้อนสูง
  3. ความเสี่ยงทั้งหมดเกิดขึ้นทันที ณ หน้าโรงงาน (Immediate Risk Transfer) ความเสี่ยงต่อสินค้าเสียหายหรือสูญหายจะถูกโอนมายังคุณทันทีที่ผู้ขายแจ้งว่าสินค้าพร้อมให้รับแล้ว แม้ว่ารถของคุณจะยังเดินทางไปไม่ถึงโรงงานก็ตาม
  4. การประสานงานที่ซับซ้อน (Complex Coordination) ผู้นำเข้าต้องทำหน้าที่เสมือนผู้จัดการโครงการโลจิสติกส์ทั้งหมด ต้องประสานงานกับทั้งผู้ขายและตัวแทนขนส่ง ซึ่งอาจเกิดความยุ่งยากจากความแตกต่างของเขตเวลา (Time Zone) และภาษา

ตัวอย่างสถานการณ์: บทเรียนของผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์

“คุณเอ” เจ้าของธุรกิจนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ ต้องการสั่งซื้อตู้ไม้แกะสลักจากผู้ผลิตรายย่อยในอินเดีย ผู้ผลิตเสนอราคาเทอม EXW ซึ่งถูกกว่าราคา FOB Mumbai ที่เจ้าอื่นเสนออย่างมาก คุณเอจึงตัดสินใจเลือก EXW เพื่อประหยัดต้นทุน

ปัญหาที่พบเจอ:

  • การขนขึ้นรถ: ผู้ผลิตเพียงนำตู้มาวางไว้หน้าโกดัง คุณเอต้องจ่ายค่าแรงงานพิเศษให้ตัวแทนขนส่งเพื่อมายกตู้ขึ้นรถบรรทุก
  • พิธีการส่งออก: ตัวแทนขนส่งแจ้งว่า ตู้ไม้แกะสลักต้องมีใบอนุญาตส่งออกจากหน่วยงานท้องถิ่น ซึ่งผู้ผลิตไม่มีหน้าที่ต้องจัดหาให้ภายใต้เทอม EXW ทำให้กระบวนการล่าช้าไปหนึ่งสัปดาห์และเกิดค่าใช้จ่ายในการรอ
  • ต้นทุนรวม: เมื่อรวมค่าใช้จ่ายแฝงทั้งหมด ทั้งค่าแรงงานยกของ, ค่าดำเนินการขอใบอนุญาต, และค่าเสียเวลา พบว่าต้นทุนรวมสุดท้ายกลับสูงกว่าการสั่งซื้อแบบ FOB Mumbai ที่ดูแพงกว่าในตอนแรก

บทเรียน: ราคาตั้งต้นที่ถูก ไม่ได้หมายความว่าต้นทุนรวมจะถูกเสมอไป

Checklist สำหรับผู้นำเข้า: คุณพร้อมสำหรับ EXW แล้วหรือยัง?

ก่อนตัดสินใจเลือกใช้เทอม EXW ให้ถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้:

  • [ ] คุณมีตัวแทน (Freight Forwarder) ที่ไว้ใจได้และมีศักยภาพในประเทศของผู้ขายหรือไม่?
  • [ ] ตัวแทนของคุณยืนยันว่าสามารถจัดการ “พิธีการศุลกากรขาออก” ในนามของคุณได้เรียบร้อยใช่หรือไม่?
  • [ ] คุณได้ตกลงกับผู้ขายอย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วหรือยังว่าใครจะรับผิดชอบ “การขนของขึ้นรถ”?
  • [ ] คุณได้เปรียบเทียบต้นทุนโลจิสติกส์ทั้งหมด (All-in Cost) และมั่นใจว่าการจัดการเองนั้นคุ้มค่ากว่าจริงหรือไม่?
  • [ ] คุณมีเวลาและทรัพยากรในการบริหารจัดการและติดตามกระบวนการทั้งหมดด้วยตนเองใช่หรือไม่?

หากคำตอบส่วนใหญ่คือ “ใช่” เทอม EXW อาจเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณประหยัดต้นทุนได้จริง แต่ หากมีคำตอบข้อใดข้อหนึ่งเป็น “ไม่” โดยเฉพาะข้อที่เกี่ยวกับพิธีการศุลกากรขาออก การเลือกใช้เทอม FCA (Free Carrier) ซึ่งผู้ขายจะรับผิดชอบการส่งออกให้ด้วย อาจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและเหมาะสมกว่ามาก

ในบทความถัดไป เราจะพลิกมาดูอีกด้านของเหรียญในมุมมองของ “ผู้ส่งออก” กันบ้าง ว่าเทอม EXW นั้นมีข้อดีข้อเสียต่อพวกเขาอย่างไร

©2025 exptblog.com | the logistics blog and podcast

CONTACT US

We're not around right now. But you can send us an email and we'll get back to you, asap.

Sending

Log in with your credentials

Forgot your details?