men working in a warehouse

ในฐานะผู้นำเข้า หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การสั่งซื้อที่ง่ายดาย, ไร้ความเสี่ยง, และไม่ต้องจัดการเรื่องใดๆ เลยนอกจากรอรับของ เทอม DDP (Delivered Duty Paid) คือคำตอบสุดท้ายและดีที่สุดสำหรับคุณ มันคือเงื่อนไขที่เปลี่ยนการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศให้ง่ายเหมือนการสั่งซื้อของจากร้านค้าออนไลน์ในประเทศ

บทความนี้จะวิเคราะห์เทอม DDP จากมุมมองของ “ผู้นำเข้า” เพื่อให้คุณเห็นถึงประโยชน์สูงสุด และข้อควรพิจารณาทางการเงินที่อาจซ่อนอยู่เบื้องหลังความสะดวกสบายนี้

ข้อดีของการใช้เทอม DDP สำหรับผู้นำเข้า (Advantages for the Importer)

  1. สะดวกสบายสูงสุดและไร้ความเสี่ยงโดยสิ้นเชิง (Ultimate Convenience & Zero Risk): ผู้ซื้อไม่ต้องรับผิดชอบหรือกังวลเกี่ยวกับกระบวนการใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการขนส่ง, ความเสี่ยงต่อสินค้าเสียหาย, การทำประกันภัย, หรือพิธีการศุลกากรที่ซับซ้อน นี่คือประสบการณ์การซื้อที่ “ไร้กังวล” อย่างแท้จริง
  2. ต้นทุนรวมที่แน่นอนและโปร่งใส (Fixed and Transparent Landed Cost): ราคาที่คุณจ่ายให้ผู้ขายคือราคาสุดท้ายและเบ็ดเสร็จ (Final All-in Price) ไม่มีค่าใช้จ่ายแฝงหรือค่าธรรมเนียมใดๆ มาให้ประหลาดใจในภายหลัง ทำให้การคำนวณต้นทุน, การตั้งราคาขาย, และการวางแผนงบประมาณทำได้ง่ายและแม่นยำมาก
  3. ไม่ต้องมีความรู้ด้านการนำเข้า (No Import Expertise Required): DDP เหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ, SME, หรือบุคคลทั่วไปที่ไม่มีแผนกนำเข้า-ส่งออก และไม่มีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการศุลกากร ทำให้สามารถเข้าถึงสินค้าจากทั่วโลกได้โดยไม่มีอุปสรรค

ข้อเสียและ “ราคาที่ต้องจ่าย” ของเทอม DDP ที่ผู้นำเข้าต้องพิจารณา (Disadvantages and the “Price” of Convenience)

  1. ราคาสินค้าสูงที่สุด (Highest Possible Price): ความสะดวกสบายนี้ย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย DDP คือเทอมที่ผู้ขายจะเสนอราคาขายสูงที่สุด เพราะพวกเขาได้รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นค่าขนส่ง, ค่าประกัน, ค่าดำเนินการ, ค่าภาษีอากรทั้งหมด, และที่สำคัญคือค่าบริหารความเสี่ยงและความยุ่งยากทั้งหมดเข้าไปแล้ว
  2. ขาดการควบคุมโดยสิ้นเชิง (Complete Lack of Control): ผู้นำเข้าไม่มีสิทธิ์เลือกบริษัทขนส่ง, เส้นทาง, หรือตารางเวลาใดๆ และไม่มีส่วนร่วมหรือมองเห็นกระบวนการดำเนินพิธีการศุลกากรเลย ซึ่งอาจไม่เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการควบคุมซัพพลายเชนอย่างใกล้ชิด
  3. ข้อเสียด้านภาษีที่สำคัญ: ไม่สามารถขอคืนภาษีซื้อได้ (The Critical Tax Disadvantage: Inability to Reclaim Input VAT): สำหรับธุรกิจที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) นี่คือข้อเสียที่ใหญ่ที่สุด ภายใต้เทอม DDP ผู้ขายหรือตัวแทนของผู้ขายคือ “ผู้นำเข้า” ที่มีชื่อในเอกสารของกรมศุลกากร ดังนั้น ใบเสร็จค่าภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้า (ภาษีซื้อ) จะไม่ได้ออกในนามบริษัทของคุณ ทำให้คุณ ไม่สามารถนำภาษีซื้อนั้นไปหักออกจากภาษีขาย (เครดิตภาษี) ได้ ซึ่งหมายถึงต้นทุนทางภาษีที่เพิ่มขึ้น 7% โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัว

ตัวอย่างสถานการณ์: ร้านกาแฟนำเข้าเครื่องชงกาแฟ

ร้านกาแฟเปิดใหม่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียน VAT ต้องการนำเข้าเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่คุณภาพสูงจากอิตาลี

  • สถานการณ์ A (เลือก DDP): ร้านกาแฟเลือก DDP เพื่อความสะดวก ราคาเครื่อง 350,000 บาท (ราคารวมทุกอย่าง) ผู้ขายอิตาลีจัดการนำเข้าและจ่าย VAT 7% (สมมติประมาณ 21,000 บาท) ให้ แต่ชื่อผู้นำเข้าคือตัวแทนของผู้ขาย ร้านกาแฟจึงไม่สามารถนำ 21,000 บาทนี้ไปเครดิตภาษีได้
  • สถานการณ์ B (เลือก DAP): ร้านกาแฟเลือก DAP ราคาเครื่องอาจอยู่ที่ 300,000 บาท (ไม่รวมภาษี) เมื่อของมาถึงไทย ร้านกาแฟเป็นผู้ดำเนินพิธีการนำเข้าเองและจ่าย VAT 7% จำนวน 21,000 บาทโดยตรง ใบเสร็จออกจากกรมศุลกากรในนามของร้านกาแฟ ทำให้สามารถนำ 21,000 บาทนี้ไปหักลบกับภาษีขายที่เก็บจากลูกค้าได้

บทเรียน: แม้ DDP จะสะดวก แต่สำหรับธุรกิจที่จด VAT การเลือกใช้ DAP และจัดการภาษีเองมักจะให้ประโยชน์ทางการเงินมากกว่า

บทสรุปสำหรับผู้นำเข้า

DDP คือสวรรค์ของความสะดวกสบาย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ซื้อรายย่อยหรือธุรกิจที่ไม่ได้จดทะเบียน VAT และต้องการต้นทุนที่แน่นอน อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจที่จดทะเบียน VAT การพิจารณาใช้เทอม DAP เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางภาษีของตนเอง มักจะเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดกว่าในระยะยาว

©2025 exptblog.com | the logistics blog and podcast

CONTACT US

We're not around right now. But you can send us an email and we'll get back to you, asap.

Sending

Log in with your credentials

Forgot your details?