white mobile phone on black clipboard with white paper

ถ้าตอนนี้คุณน่าจะพอมีไอเดียเรื่องสินค้า และตลาดในหัวบ้างแล้ว แต่ก็ยังติดปัญหาเรื่องการตั้งราคาขาย หรือหาจุดคุ้มทุน หรือเรื่องเกี่ยวกับตัวเลขต่าง ๆ ที่คุณเห็นคนอื่น ๆ ทำไปทำมาขายดีมีกำไรแล้วก็ยังเจ๊งอยู่ดี ผมอยากให้ลองอ่านบทความนี้อย่างละเอียดดูครับ

คำถามที่คุณควรจะตั้งให้ตรงกับคำตอบ “ตั้งราคาเท่าไหร่ให้มีกำไร” นั้นคือ “คุณต้องขายของกี่ชิ้น ถึงจะเรียกว่า ‘เสมอตัว’?”

ในตอนเริ่มต้นเรายังไม่ต้องคิดเรื่องรวย ให้ถามแค่ว่าต้องขายกี่ชิ้นถึงจะไม่เข้าเนื้อตัวเอง… ตัวเลขนี้ในทางธุรกิจเราเรียกมันว่า “จุดคุ้มทุน” (Break-Even Point) และผมบอกคุณตรงนี้เลยว่า นี่คือตัวเลขที่สำคัญที่สุดที่คุณต้องรู้ “ก่อน” ที่จะสั่งสินค้ามาขาย เพราะเจ้าตัวเลขนี้แหละที่จะบอกคุณได้ว่าสินค้าที่คุณเลือกมามันมีความเป็นไปได้ที่จะทำกำไรจริงไหม หรือเป็นแค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของคุณกันแน่

ทำไม “จุดคุ้มทุน” ถึงสำคัญกว่า “กำไรต่อชิ้น”?

หลายคนตื่นเต้นกับตัวเลข “กำไรต่อชิ้น” มากเกินไป… “ต้นทุน 100 ขาย 250 กำไรตั้ง 150 บาทแน่ะ!” ตัวเลขกำไรฟังดูดีครับ? แต่ถ้าทั้งเดือนคุณขายได้แค่ 10 ชิ้น กำไร 1,500 บาทของคุณน่ะ มันพอจ่ายค่าการตลาดหรือยัง?

จุดคุ้มทุนมันจะกระชากคุณกลับมาสู่โลกความจริง มันคือ “เส้นสตาร์ท” ของคุณ ถ้าคุณยังวิ่งไปไม่ถึงเส้นนี้ ทุกชิ้นที่คุณขายได้มันก็ยังไม่ใช่กำไร มันเป็นแค่การเอาเงินมาคืนส่วนที่จ่ายไปก่อนหน้าเท่านั้นเอง

เอาล่ะ… เลิกพูดภาพรวมแล้ว มาหยิบปากกากับกระดาษมาคำนวณไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า

แยกส่วนประกอบให้ชัด: เราต้องรู้อะไรบ้าง?

การจะหาจุดคุ้มทุนได้ คุณต้องหาตัวเลขสำคัญ 2 ตัวนี้ให้เจอก่อน

1. ต้นทุนคงที่ (Fixed Costs): ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายทุกเดือน ไม่ว่าคุณจะขายของได้หรือไม่ นี่คือค่าใช้จ่ายที่คุณต้องควักกระเป๋าจ่ายแน่ๆ ในแต่ละเดือน ต่อให้เดือนนั้นคุณจะป่วย นอนอยู่บ้าน ขายของไม่ได้เลยซักชิ้น สำหรับมือใหม่อย่างคุณ มันอาจจะยังไม่เยอะมาก เช่น:

  • ค่ายิงแอดการตลาด: งบที่คุณตั้งไว้ว่าจะต้องจ่ายให้ Facebook, TikTok ทุกเดือน (เช่น 5,000 บาท/เดือน)
  • ค่าแพลตฟอร์ม: ถ้าคุณขายบน Shopee/Lazada หรือมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง (เช่น 1,000 บาท/เดือน)
  • เงินเดือนตัวเอง (ถ้ามี): ใช่ครับ! คุณต้องคิดค่าแรงตัวเองด้วยนะ อย่าทำงานฟรี สมมติง่ายๆ ว่าเดือนนี้ ต้นทุนคงที่ทั้งหมดของคุณคือ 5,000 บาท

2. ต้นทุนผันแปรต่อชิ้น (Variable Cost Per Unit): ต้นทุนที่แท้จริงของสินค้า 1 ชิ้น ตัวนี้สำคัญมาก! มันไม่ใช่แค่ราคาที่คุณจ่ายให้โรงงานจีนนะ แต่มันคือ “ต้นทุนรวมที่แท้จริง” (Landed Cost) ของสินค้า 1 ชิ้น ที่เดินทางมาถึงหน้าบ้านคุณแล้ว

ตัวอย่าง: คุณใช้งบค่าสินค้า 30,000 บาท และค่าขนส่ง+ภาษี 15,000 บาท รวมเป็น 45,000 บาท และคุณสั่งของมาทั้งหมด 300 ชิ้น

ต้นทุนผันแปรต่อชิ้นของคุณจะเท่ากับ 45,000 / 300 = 150 บาท

  • ต้นทุนคงที่รายเดือน (Fixed Costs) = 5,000 บาท
  • ต้นทุนผันแปรต่อชิ้น (Variable Cost) = 150 บาท

มาคำนวณกันเลย: ต้องขายกี่ชิ้นถึงจะคุ้มทุน?

สูตรมันง่ายนิดเดียว ไม่ต้องซับซ้อนอะไรเลยครับ

จุดคุ้มทุน (จำนวนชิ้น) = ต้นทุนคงที่ทั้งหมด / (ราคาขายต่อชิ้น – ต้นทุนผันแปรต่อชิ้น)

(ราคาขาย – ต้นทุนผันแปร) เราเรียกมันเท่ๆ ว่า “กำไรส่วนเกินต่อหน่วย” (Contribution Margin) หรือพูดง่ายๆ ก็คือ “กำไรดิบๆ ต่อชิ้น” ที่จะเอาไปโปะค่าใช้จ่ายคงที่ของคุณ

มาแทนค่ากันเลย… สมมติคุณตั้งใจจะขายสินค้าชิ้นนี้ใน ราคา 350 บาท

  • กำไรส่วนเกินต่อหน่วย = 350 – 150 = 200 บาท
  • จุดคุ้มทุน (จำนวนชิ้น) = 5,000 / 200 = 25 ชิ้น

เห็นภาพหรือยังครับ? นี่หมายความว่า ในแต่ละเดือน คุณต้องขายสินค้าให้ได้ 25 ชิ้น ถึงจะเรียกว่า “เสมอตัว” เงินที่คุณได้มา 25 ชิ้นแรกนี้ ยังไม่ใช่กำไรของคุณเลยแม้แต่บาทเดียว แต่มันคือเงินที่เอาไปจ่ายค่าการตลาด 5,000 บาทที่คุณลงไปก่อนหน้า

ยอดขายชิ้นที่ 26 นั่นแหละ คือ “กำไร” ชิ้นแรกของคุณ!

ก้าวต่อไป: จาก “คุ้มทุน” สู่ “กำไรที่จับต้องได้”

ทีนี้คุณคงไม่อยากจะแค่เสมอตัวไปวันๆ ใช่ไหมครับ? คุณอยากมีเงินเก็บ อยากเอาไปต่อยอดสั่งของล็อตใหญ่ขึ้น งั้นเรามาตั้งเป้าหมายกัน

สมมติคุณอยากมี “กำไรจริงๆ” เข้ากระเป๋าเดือนละ 10,000 บาท เราจะใช้สูตรเดิม แค่ปรับนิดหน่อย

จำนวนชิ้นที่ต้องขาย = (ต้นทุนคงที่ + กำไรที่ต้องการ) / กำไรส่วนเกินต่อหน่วย

  • แทนค่าเลย: (5,000 + 10,000) / 200
  • = 15,000 / 200
  • = 75 ชิ้น

เห็นความจริงหรือยังครับ? จากเป้าหมายแค่ “รอด” ที่ 25 ชิ้น พอคุณอยากได้ “กำไร” ที่เป็นเรื่องเป็นราว เป้าหมายของคุณกระโดดไปที่ 75 ชิ้นต่อเดือน!

ตอนนี้แหละที่คุณจะเริ่มถามตัวเองได้แล้วว่า “สินค้าที่เราเลือกมาเนี่ย มันมีศักยภาพพอจะขายให้ได้เดือนละ 75 ชิ้นรึเปล่าวะ?” ถ้าคุณมองแล้วว่า “สบายมาก” ก็ลุยเลยครับ แต่ถ้าคุณเริ่มลังเล “จะไหวเหรอวะ” นี่คือสัญญาณเตือนให้คุณอาจจะต้องกลับไปทบทวนเรื่องการเลือกสินค้าหรือการตั้งราคาใหม่อีกครั้ง

ส่งท้าย…

ผมอยากให้คุณจำไว้ว่า การทำธุรกิจมันไม่ใช่การเดาสุ่ม มันคือการคำนวณความเป็นไปได้ การที่คุณใช้เวลาคำนวณตัวเลขพวกนี้ก่อน มันคือการสร้าง “แผนที่” ให้กับธุรกิจของคุณ คุณจะรู้ว่าเป้าหมายขั้นต่ำอยู่ที่ไหน และเป้าหมายเพื่อการเติบโตอยู่ที่ไหน

หยุดตื่นเต้นกับกำไรต่อชิ้นลม ๆ แล้ง ๆ แล้วหันมาเผชิญหน้ากับ “จุดคุ้มทุน” ของคุณซะ นี่คือสิ่งที่แยกคนทำธุรกิจเล่น ๆ ออกจากคนที่ทำมันจริงจังครับ ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าค่าขนส่งและภาษีจะเป็นเท่าไหร่ ลองมาปรึกษาผมที่อีเมล์ [email protected] ให้ผมคำนวณให้ก็ได้ครับ

©2025 exptblog.com | the logistics blog and podcast

CONTACT US

We're not around right now. But you can send us an email and we'll get back to you, asap.

Sending

Log in with your credentials

Forgot your details?